กิจกรรมที่ผ่านมา

คณะการแพทย์บูรณาการ มทร.ธัญบุรี l การแพทย์แผนไทย นวัตกรรมฯ สุขภาพความงาม ได้มีโอกาศมาเยี่ยมชม ศูนย์นวัตกรรมการแพทย์แผนไทย

เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2566 ทาง คณะการแพทย์บูรณาการ มทร.ธัญบุรี l การแพทย์แผนไทย นวัตกรรมฯ สุขภาพความงาม ได้มีโอกาศมาเยี่ยมชม ศูนย์นวัตกรรมการแพทย์แผนไทย ณ อาคารพิพิธภัณฑ์และศูนย์ฝึกอบรมการแพทย์แผนไทย (เรือนหมอเพ็ญนภา) กรมการแพทย์แพทย์ไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข เพื่อหารือ การกำหนดหัวข้อ MOU(บันทึกข้อตกลงความร่วมมือดำเนินงานด้านวิชาการ) เนื่องจากทั้ง สองหน่วงงาน มีความคิดเห็นและความต้องการตรงกัน ที่จะ สร้างความร่วมมือ เพื่อพัฒนาหลักสูตรและการจัดการศึกษา ผลิตบัณฑิต ผู้เรียนที่มีสมรรถนะตอบโจทย์สถานประกอบการด้านสุขภาพ ร่วมกันพัฒนางานวิชาการ นวัตกรรมและสุขภาพความงาม ตามศาสตร์การแพทย์แผนไทย สร้างเครือข่ายความร่วมมือ ด้านวิชาการและวิชาชีพร่วมกัน แลกเปลี่ยนความรู้ ทรัพยากร และบุคลากร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพบริหารจัดการ พัฒนาบุคลากรในสาขาอาชีพที่เกี่ยวข้องให้มีคุณภาพและมาตรฐาน เท่าทันยุคสมัยและอนาคต อีกทั้งยังได้พูดคุยเรื่องผลิตภัณฑ์ และนวัตกรรมในการรักษาของทางศูนย์นวัตกรรมการแพทย์แผนไทย เพื่อร่วมกันพัฒนา ยกระดับมาตรฐานการรักษาด้วยศาสตร์การแพทย์แผนไทยและแผนไทยประยุกต์

ผู้บริหารของศูนย์นวัตกรรมการแพทย์แผนไทย เข้าประชุมพูดคุยเรื่องการ MOU กับมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย

ผู้บริหารของศูนย์นวัตกรรมการแพทย์แผนไทย คุณพฤกษ์ ขุนพานิช และ คุณพรรณกร ขุนพานิช เข้าประชุมพูดคุยเรื่องการ MOU กับมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย รวมถึงเข้าเยี่ยมชมโรงพยาบาลและโรงงานสกัดสมุนไพรในม.แม่ฟ้าหลวง เพื่อหาแนวทางในการนำสมุนไพรไทยมาต่อยอด และใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์

คณะผู้ประกอบการจากไต้หวันและตัวแทนจากสภาการค้าไต้หวัน เข้าร่วมฟังบรรยายของ ศูนย์นวัตกรรมการแพทย์แผนไทย

คณะผู้ประกอบการจากไต้หวันและตัวแทนจากสภาการค้าไต้หวันร่วม 30 ท่าน เข้าร่วมฟังบรรยายของ ศูนย์นวัตกรรมการแพทย์แผนไทยและคลินิกจักระ และเดินทางเข้าเยี่ยมชมสินค้าและดูการให้บริการของเรา ณ วันนี้ 20 มีนาคม 2566

ร่วมประชุมกับเครือข่ายป่าชุมชน พัฒนาป่าชุมชนเพื่อสร้างรายได้ ณ ศูนย์ป่าไม้กาญจนบุรี

นายพฤกษ์ ขุนพานิช ผู้อำนวยการศูนย์นวัตกรรมการแพทย์แผนไทย TTMIC พร้อมด้วยนายเสกสรร กวยะปาณิก ผู้อำนวยการส่วนพัฒนาวนศาสตร์ชุมชน สำนักจัดการป่าชุมชน กรมป่าไม้ และนายประทีป เอกฉันท์ ผู้อำนวยการศูนย์ป่าไม้กาญจนบุรี เข้าร่วมประชุมเพื่อพัฒนาป่าชุมชนเพื่อสร้างรายได้ร่วมกับผู้แทนเครือขายป่าชุมชน จังหวัดกาญจนบุรี (13 อำเภอ) โดยศูนย์นวัตกรรมการแพทย์แผนไทย TTMIC ได้พัฒนา Application สำรวจสมุนไพรในป่าชุมชน สำหรับเป็นฐานข้อมูลเพื่อการบริหารจัดการ ด้านการสร้างรายได้ให้กับชุมชน โดยขอความร่วมมือกรมป่าไม้สนับสนุนองค์ความรู้ด้านการเพาะชำกล้าไม้และกล้าไม้ที่มีการใช้ประโยชน์สมุนไพรตำรับตรีผลา ได้แก่ มะขามป้อม สมอไทย สมอพิเภก และชุมชนร่วมให้ข้อมูลการสำรวจสมุนไพรในท้องถิ่น การจัดทำเรือนเพาะชำกล้าไม้ชุมชน และแปลงปลูกสมุนไพรในป่าชุมชนเพื่อสร้างรายได้

สมาคมเภสัชและอายุรเวชโบราณแห่งประเทศไทย ดูงานที่ จักระคลินิก, TTMIC

สมาคมเภสัชและอายุรเวชโบราณแห่งประเทศไทย ดูงานที่ จักระคลินิกการแพทย์แผนไทย ศูนย์นวัตกรรมการแพทย์แผนไทย (TTMIC)

คณะการแพทย์บูรณาการ มทร.ธัญบุรี l การแพทย์แผนไทย นวัตกรรมฯ สุขภาพความงาม ได้มีโอกาศมาเยี่ยมชม ศูนย์นวัตกรรมการแพทย์แผนไทย

เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2566 ทาง คณะการแพทย์บูรณาการ มทร.ธัญบุรี l การแพทย์แผนไทย นวัตกรรมฯ สุขภาพความงาม ได้มีโอกาศมาเยี่ยมชม ศูนย์นวัตกรรมการแพทย์แผนไทย ณ อาคารพิพิธภัณฑ์และศูนย์ฝึกอบรมการแพทย์แผนไทย (เรือนหมอเพ็ญนภา) กรมการแพทย์แพทย์ไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข เพื่อหารือ การกำหนดหัวข้อ MOU(บันทึกข้อตกลงความร่วมมือดำเนินงานด้านวิชาการ) เนื่องจากทั้ง สองหน่วงงาน มีความคิดเห็นและความต้องการตรงกัน ที่จะ สร้างความร่วมมือ เพื่อพัฒนาหลักสูตรและการจัดการศึกษา ผลิตบัณฑิต ผู้เรียนที่มีสมรรถนะตอบโจทย์สถานประกอบการด้านสุขภาพ ร่วมกันพัฒนางานวิชาการ นวัตกรรมและสุขภาพความงาม ตามศาสตร์การแพทย์แผนไทย สร้างเครือข่ายความร่วมมือ ด้านวิชาการและวิชาชีพร่วมกัน แลกเปลี่ยนความรู้ ทรัพยากร และบุคลากร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพบริหารจัดการ พัฒนาบุคลากรในสาขาอาชีพที่เกี่ยวข้องให้มีคุณภาพและมาตรฐาน เท่าทันยุคสมัยและอนาคต อีกทั้งยังได้พูดคุยเรื่องผลิตภัณฑ์ และนวัตกรรมในการรักษาของทางศูนย์นวัตกรรมการแพทย์แผนไทย เพื่อร่วมกันพัฒนา ยกระดับมาตรฐานการรักษาด้วยศาสตร์การแพทย์แผนไทยและแผนไทยประยุกต์

ผู้บริหารของศูนย์นวัตกรรมการแพทย์แผนไทย เข้าประชุมพูดคุยเรื่องการ MOU กับมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย

ผู้บริหารของศูนย์นวัตกรรมการแพทย์แผนไทย คุณพฤกษ์ ขุนพานิช และ คุณพรรณกร ขุนพานิช เข้าประชุมพูดคุยเรื่องการ MOU กับมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย รวมถึงเข้าเยี่ยมชมโรงพยาบาลและโรงงานสกัดสมุนไพรในม.แม่ฟ้าหลวง เพื่อหาแนวทางในการนำสมุนไพรไทยมาต่อยอด และใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์

คณะผู้ประกอบการจากไต้หวันและตัวแทนจากสภาการค้าไต้หวัน เข้าร่วมฟังบรรยายของ ศูนย์นวัตกรรมการแพทย์แผนไทย

คณะผู้ประกอบการจากไต้หวันและตัวแทนจากสภาการค้าไต้หวันร่วม 30 ท่าน เข้าร่วมฟังบรรยายของ ศูนย์นวัตกรรมการแพทย์แผนไทยและคลินิกจักระ และเดินทางเข้าเยี่ยมชมสินค้าและดูการให้บริการของเรา ณ วันนี้ 20 มีนาคม 2566

ร่วมประชุมกับเครือข่ายป่าชุมชน พัฒนาป่าชุมชนเพื่อสร้างรายได้ ณ ศูนย์ป่าไม้กาญจนบุรี

นายพฤกษ์ ขุนพานิช ผู้อำนวยการศูนย์นวัตกรรมการแพทย์แผนไทย TTMIC พร้อมด้วยนายเสกสรร กวยะปาณิก ผู้อำนวยการส่วนพัฒนาวนศาสตร์ชุมชน สำนักจัดการป่าชุมชน กรมป่าไม้ และนายประทีป เอกฉันท์ ผู้อำนวยการศูนย์ป่าไม้กาญจนบุรี เข้าร่วมประชุมเพื่อพัฒนาป่าชุมชนเพื่อสร้างรายได้ร่วมกับผู้แทนเครือขายป่าชุมชน จังหวัดกาญจนบุรี (13 อำเภอ) โดยศูนย์นวัตกรรมการแพทย์แผนไทย TTMIC ได้พัฒนา Application สำรวจสมุนไพรในป่าชุมชน สำหรับเป็นฐานข้อมูลเพื่อการบริหารจัดการ ด้านการสร้างรายได้ให้กับชุมชน โดยขอความร่วมมือกรมป่าไม้สนับสนุนองค์ความรู้ด้านการเพาะชำกล้าไม้และกล้าไม้ที่มีการใช้ประโยชน์สมุนไพรตำรับตรีผลา ได้แก่ มะขามป้อม สมอไทย สมอพิเภก และชุมชนร่วมให้ข้อมูลการสำรวจสมุนไพรในท้องถิ่น การจัดทำเรือนเพาะชำกล้าไม้ชุมชน และแปลงปลูกสมุนไพรในป่าชุมชนเพื่อสร้างรายได้

กัญชา กัญชง

ปลูกกัญชา หลังประกาศประมวลกฏหมายยาเสพติต

https://www.youtube.com/watch?v=PtqPwb1-HIk ในสถานการณ์หลังจากประกาศใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติดฉบับแรกของประเทศไทย โดยเฉพาะเรื่องกัญชาถือว่ายังเป็นกระแส จะไปต่อ หรือจะหยุด หรือจะถอยหลัง ตอนนี้เป็นวิกฤติ หรือโอกาส ตอนนี้ในฐานะที่คุณนีโน่ ถือว่าเป็นผู้ปลูกกัญชารายใหญ่ ถือว่ารายใหญ่ของประเทศไทยทีเดียว ทั้งอินดอร์ เอาท์ดอร์ ก็ถือว่ามีประสบการณ์จริงๆ แล้วช่วงที่หลายคนกำลังจะเดินหน้าต่อ หรือถอยหลังอย่างที่ผมบอกนี้ ก็เลยอยากทราบจากคุณนีโน่ ว่าสิ่งที่คุณโน่ทำอยู่ตอนนี้ ทำอย่างไรถึงจะได้ปลูกกัญชาในสถานการณ์นี้ตั้งแต่เริ่มต้นเลยต้องทำอะไรกระบวนการยังไง เริ่มต้นคุณต้องมีความพร้อมเรื่องใจรักก่อน หลังจากนั้น ก็รวมกลุ่มวิสาหกิจ ก็ยังเป็นกระบวนการวิสาเหมือนเดิมอยู่ คือเดี๋ยวนี้มี 2 แบบ ในอนาคตเรื่องเรื่องปลูกกัญชาหลังจาก 9 มิถุนายน นั่นคืออธิบาย 2 ส่วนนะครับผม ตามแนวทางนะครับผมร่างของพรบ.ฉบับใหม่ บุคคลธรรมดาที่จะสามารถเข้าถึงการปลูกกัญชาที่ถูกต้องตามนโยบายว่า ทุกคนอยากปลูก ได้ปลูก คือสรุปให้เห็นชัดๆก็คือมี 2 แบบ ก็คือการจดแจ้ง กับขออนุญาต การจดแจ้งก็คือปลูกได้ทุกครัวเรือนห้ามจำหน่ายจ่ายแจก แต่ถ้าปลูกการขอญาติ คือเพื่อเสริมสร้างเศรษฐกิจ จดแจ้งในตามร่างพรบ.ฉบับใหม่ ผู้ที่อนุญาตก็คือนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด ถ้าอยู่ต่างจังหวัด แต่ถ้าในกรุงเทพฯ ก็เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ก็แบ่งเป็นสองส่วนส่วนกลางกับส่วนภูมิภาค นั้นคือคุณต้องไปยื่นความจำนงเพื่อที่จะปลูกกัญชาภายในครัวเรือน ก็คือปลูกตามความจำเป็น ดูแลตัวเองหรือปรุงอาหารภายในครัวเรือน ทางเจ้าหน้าที่ก็จะมีระบบติดตาม จะเป็นลักษณะ application ลักษณะหมอพร้อม อันนี้อาจจะเป็นกัญชาพร้อม เช่น ครัวเรือนนี้ปลูกกี่ต้น อย่างไร พิกัดที่ไหน จีพีเอสที่เท่าไหร่ มีความจำเป็นที่จะใช้กัญชาในครัวเรือนนี้กี่ท่าน ก็จะสอดคล้องกับปริมาณที่ปลูก ไม่ใช่ว่าจดแจ้งในครัวเรือนมี 5 คนขออนุญาตจดแจ้ง 100 ไร่อันนี้ก็คงไม่ได้ คงไม่สอดคล้อง ก็จะมีข้อห้ามก็คือไม่สามารถที่จะจำหน่ายได้ ให้เพื่อนบ้านไม่ได้ อะไรไม่ได้เลย เอาไปขายร้านอาหารก็ไม่ได้ ก็ให้ใช้ในครัวเรือน ก็ถือว่าตามนโยบายที่บอกว่าอยากปลูกได้ปลูก แต่ไม่ได้บอกว่าเพื่อทำเศรษฐกิจ หรือผู้ขายอันนี้ไม่ใช่ แต่ถ้าขายต้องขอญาติที่สำนักงานอาหารและยา ก็คือต้องรวมกลุ่มกันเหมือนเดิม แบ่งเป็นสองส่วนเหมือนกัน ส่วนหนึ่งก็คือนิติบุคคล นิติบุคคลก็ทำความร่วมมือกับปลายทางก็คือโรงงานยาก็ได้ เราไปทำความร่วมมือกัน ส่วนบุคคลธรรมดาคุณก็ต้องทำความร่วมมือเหมือนเดิม คือทำเป็นวิสาหกิจ ตั้งแต่ 7 คนขึ้นไป หรือ 7 ครอบครัวขึ้นไป ก็ใช้สู่กระบวนการเดิม แต่หลังจากนี้ เราเองเนี่ยประธานวิสาหกิจก็ หรือผู้ได้รับอำนาจสามารถใช้ชื่อตัวเองขอได้เลย ไม่จำเป็นต้องเจ้าหน้าที่ของรัฐแล้ว เมื่อก่อนต้องไปทำความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ ถึงแม้จะทำความร่วมเหมือนกัน

กัญชารักษาได้ทุกโรคจริงหรือ?

https://www.youtube.com/watch?v=Y8wijnS8lkk สาเหตุของโรคต่างๆ มีใครเคยสงสัยไหมว่าโรคต่างๆเกิดขึ้นมาได้ยังไง วันนี้จะมาตอบประเด็นนี้ แล้วอีกประเด็นนึงตอนนี้สมุนไพรที่อินเทรนด์มากๆ ก็คือกัญชา มีใครสงสัยว่ากัญชารักษาโรคอะไรบ้าง หรือว่ากัญชารักษาได้ทุกโรคจริงไหม มีหลายคนสงสัยเข้ามามากเลย เพราะฉะนั้นวันนี้ก็ขออนุญาตที่จะมาตอบประเด็นนี้เช่นเดียวกัน เพราะเราจะมีสองประเด็นหลักที่เราจะมาตอบกัน อันแรกนะคะโรคต่างๆเกิดขึ้นมาได้อย่างไร โรคต่างๆเนี่ยจริงๆแล้วนะเกิดมาจากการอักเสบนั่นเองที่เกิดขึ้นในร่างกาย ทีนี้เราจะมาทำความเข้าใจกันว่าการอักเสบนำไปสู่โรคได้ยังไง ต้องขออธิบายก่อนในหลักวิทยาศาสตร์ว่าจริงๆแล้วการอักเสบเนี่ยมันไม่ใช่สิ่งที่ไม่ดีขนาดนั้น การอักเสบเกิดขึ้นมาในร่างกายก็ต่อเมื่อเวลาที่มันมีสิ่งแปลกปลอมหรือว่าสิ่งอันตรายกับร่างกายเนี่ยเข้ามาข้างในร่างกาย หรือว่าแม้แต่การที่ร่างกายเริ่มมีการเสื่อมสักอย่างก็จะมีการอักเสบเกิดขึ้น การอักเสบเกิดขึ้นมาเนี่ยเพื่อที่จะเรียกพวกเซลล์เม็ดเลือดขาวต่างๆก็จะมารวมตัวที่จุดเกิดเหตุเพื่อจะขับไล่สิ่งแปลกปลอมสิ่งที่เป็นอันตรายกับร่างกายให้ออกไป แล้วจะกำจัดพวกเซลล์ที่มันถูกทำลาย เพื่อให้ร่างกายสามารถกลับมาฟื้นฟูตัวเองได้นั่นเอง เพราะฉะนั้นจริงๆแล้วการอักเสบเป็นกระบวนการตามธรรมชาติที่จะช่วยทำให้ร่างกายเราเนี่ยกำจัดสิ่งแปลกปลอมออกไป แล้วก็กำจัดเนื้อเยื่อที่มันถูกทำลายออกไป เพื่อที่ร่างกายจะได้กลับมารักษาตัวเองใหม่ แต่ว่าถ้าเกิดว่าการอักเสบมีมากเกินไปหรือว่าการอักเสบเรื้อรังเลยเนี่ยมันจะนำไปสู่ผลเสียมากกว่าผลดีแทนที่เนื้อเยื่อของเราหลังจากจบจากการอักเสบ แทนที่เนื้อเยื่อจะได้กลับมารักษาตัว ยังกลายเป็นว่าการอักเสบเกิดขึ้นต่อเนื่องเรื่อยๆ ก็จะกลายเป็นว่าเนื้อเยื่อส่วนนั้นก็จะถูกทำลายต่อไป และในระหว่างที่เกิดการอักเสบมันจะมีโมเลกุลชนิดที่เค้าเรียกว่า Cytokines และ Chemokines ซึ่งตรงนี้จะเป็นตัวสารอักเสบที่เกิดขึ้นมาในระหว่างที่มีการอักเสบขึ้นในร่างกาย ซึ่งตัวนี้แหละจะเป็นตัวที่นำพาการอักเสบ แล้วก็ถ้ามันอยู่นานเกินไปมันก็จะนำพาเราไปสู่โรคต่างๆนั่นเอง เพราะฉะนั้นค่ะสรุปก็คือเมื่อการอักเสบเกิดขึ้นถ้ามันไม่จบไปแต่มันเป็นการสิ่งที่เรื้อรังเนี่ยมันก็จะนำไปสู่โรคต่างๆนั่นเอง ทีนี้ถามว่าการอักเสบเนี่ยนำไปสู่โรคอะไรบ้างเยอะมากเลย การอักเสบเรื้อรังนำไปสู่หลายโรคเลย ก็จะมีอย่างเบาหวาน โรคเกี่ยวกับโรคประสาท โรคแพ้ภูมิตัวเอง โรคเกี่ยวกับหลอดเลือดสมอง โรคไขข้อ โรคปลายประสาทอักเสบ โรคเกี่ยวกับโรคปอด อัลไซเมอร์ หลอดเลือดหัวใจ โรคไต โรคเกี่ยวกับตา ก็จะเห็นว่าไม่ใช่แค่จุดเดียว แต่หลายอวัยวะเนี่ยมีการเกิดขึ้นของโรค ทั้งหมดนี้ล้วนมาจากการอักเสบที่เกิดขึ้นภายในร่างกาย เพราะฉะนั้นก็จะเห็นว่าการอักเสบเป็นบ่อเกิดของหลายโรคนั่นเอง ขอยกตัวอย่างเช่นโรคมะเร็ง จริงๆโรคมะเร็งเนี่ยเรามักจะคิดว่าโรคมะเร็งเกิดจากการที่เซลล์มะเร็งมันเติบโต แต่ต้องถามว่าเซลมะเร็งเติบโตขึ้นมาได้ยังไง จริงๆแล้วเซลล์มะเร็งเนี่ยมันก็จะมีอยู่ในร่างกายมันจะถูกยับยั้งด้วยเม็ดเลือดขาว ที่ไปฆ่าไม่เซลล์มะเร็งมันเติบโตลามลุกลามต่อไป แต่เซลล์มะเร็งมาสามารถถูกกระตุ้นให้เติบโตได้นั้นก็ต่อเมื่อมีการอักเสบที่เกิดขึ้นเรื้อรัง อย่างเช่นเมื่อมีการอักเสบเกิดขึ้นมันจะมีสาร Cytokines และ Chemokines สารพวกนี้ที่มันมีมากเกินไปที่เรียกว่า Abundant pro-inflammatory chemokines ก็คือเป็นสาร Cytokines ที่มีอยู่มาก มันก็จะนำไปสู่ Inflammation นำไปสู่ Neovascularization และสุดท้ายก็จะนำไปสู่ Rapid tumour growth แปลเป็นภาษาไทยก็คือ มันนำไปสู่การที่เซลล์มะเร็งลุกลามแล้วก็เซลล์ออกเป็นเนื้องอกเป็นมะเร็ง ฉะนั้นแม้แต่มะเร็งโรคร้ายที่เรากลัวกันทุกคนเนี่ย มันก็เกิดมาจากการอักเสบที่เรื้อรัง ทีนี้ประเด็นที่สองก็คือว่าแล้วกัญชากัญชา เป็นสมุนไพรที่ อินเทรนด์ตอนนี้มันรักษาโรคอะไรบ้าง และรักษาได้ทุกโรคจริงมั้ย ต้องตอบว่าที่กัญชามีฤทธิ์ในหลายอย่างในร่างกาย เพราะว่าอย่างหนึ่งกัญชามีฤทธิ์ในการลดการอักเสบ แล้วก็จำไว้ว่าการอักเสบเป็นบ่อเกิดของหลายๆโรค เพราะฉะนั้นเนี่ยมันถึงตอบคำถามว่าทำไมกัญชาหรือสารกัญชาเนี่ยมันสามารถช่วยได้หลายๆโรค เพราะว่าจริงๆแล้วคือมันช่วยรักษาการอักเสบทำให้การอักเสบทุเลาลง ทีนี้เราค่อยๆไปความเข้าใจเพิ่มเติมว่ากัญชาทำงานในร่างกายเรายังไง แล้วทำไมมันถึงช่วยร่างกายเราได้ถึงขนาดนั้น กัญชามาทำงานกับร่างกายเราเพราะว่าในร่างกายของเรามีระบบที่สามารถรับสารกัญชาได้อยู่แล้วนั้นคือ Endocannabinoid ซึ่งภายใต้ระบบเนี่ยร่างกายจะมีตัวรับอยู่แล้วที่สามารถรับสารจากกัญชาได้ หรือเรียกว่าสาร Cannabinoid ก็จะมีตัวรับที่ชื่อว่า CB1 และ

พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 8) พ.ศ.2564

พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๖๔ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นปีที่ ๖ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของรัฐสภา ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๖๔” มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดเก้าสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ ให้ยกเลิกความใน (๕) ของวรรคหนึ่งของมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “(๕) ประเภท ๕ ยาเสพติดให้โทษที่มิได้เข้าอยู่ในประเภท ๑ ถึงประเภท ๔ เช่น กัญชา”

จุดปลูกกัญชาถูกกฎหมายทั่วไทย

หลังจากที่กัญชาได้รับการ ‘ปลดล็อก’ จากข้อกฎหมายที่กำหนดให้กัญชา จัดเป็นยาเสพติดให้โทษ กลุ่มประชาชนภาคการเกษตรจึงอาศัยโอกาสอันดีครั้งนี้รวมกลุ่มเป็น “กลุ่มวิสาหกิจชุมชน” ตามภูมิภาคต่างๆทั่วประเทศ โดยมีมากกว่าหนึ่งร้อยแห่งที่มีชื่อขึ้นทะเบียนขออนุญาตปลูกกัญชาถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งนับรวมไปถึงกลุ่มองค์กรอื่นๆ ที่ยื่นขอสิทธิ์ในการปลูก ทั้งในระดับสถาบันการศึกษา และสถาบันทางการแพทย์ เพื่อเป็นพื้นที่ในการสร้างรายได้ให้กลุ่มเกษตรกร ต่อเนื่องไปยังกลุ่มผู้ที่นำกัญชาไปแปรเปลี่ยน สกัด หรือการผสมผสานให้เกิดคุณประโยชน์ที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าผู้ที่สนใจที่จะศึกษาเรียนรู้ หรือมีความคิดที่จะนำกัญชาไปต่อยอด สามารถที่จะเข้าไปศึกษาจากแหล่งเพาะปลูกที่มีอยู่กระจายทั่วประเทศ สำหรับพื้นที่เพาะปลูกต่างๆ มีด้วยกันทั้งพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล พื้นที่ภาคเหนืออันประกอบไปด้วยจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน ลำปาง พิจิตร ตาก ลำพูน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีจังหวัดบุรีรัมย์ นครราชสีมา อุดรธานี สระบุรี อำนาจเจริญ เลย นครพนม ชัยภูมิ ขอนแก่น มหาสารคาม สกลนคร ส่วนภาคกลาง มีจังหวัดนครสวรรค์ ลพบุรี กาญจนบุรี ราชบุรี สมุทรสงคราม อุทัยธานี ในพื้นที่ภาคใต้ประกอบไปด้วย จังหวัดพัทลุง สตูล กระบี่ สงขลา และภาคตะวันออก มีจังหวัดปราจีนบุรี ชลบุรี และจังหวัดระยอง ซึ่งถือได้ว่าเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชน และองค์กรประเภทอื่นที่ยื่นขึ้นทะเบียนขออนุญาตปลูกกัญชาถูกต้องตามกฎหมายต่อสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา รามทั้งสิ้น 104 หน่วย แน่นอนว่าประโยชน์ของกัญชาสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างหลากหลาย ทั้งทางการแพทย์  การนำไปเป็นสารสกัดในเครื่องสำอาง หรือแม้กระทั้งการนำไปเป็นส่วนหนึ่งของอาหาร โดยตัวอย่างที่เห็นได้จากเมนู “กัญชารส” จากร้านอาหารของโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศ หนึ่งในกลุ่มผู้ได้รับอนุญาตปลูกกัญชา อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ได้รังสรรค์เมนูอาหารที่มีส่วนผสมจากใบกัญชากลายเป็นเมนูที่แสนอร่อย มีให้เลือกได้หลากหลายเมนู ทั้งเมนูยำ เล้ง ข้าวกะเพรา กลุ่มขนมทานเล่นอย่างขนมปังคิกคัก หรือแม้แต่เครื่องดื่มอย่าง ซู่ช่ารำาเริง ก็สามารถผสมผสานเป็นเมนูที่น่าลิ้มลองได้อย่างลงตัว  นอกเหนือจากนี้แล้วยังมีตัวอย่าง ผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากการสกัดจากกัญชา อาทิ ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางดูแลผิว ผลิตภัณฑ์วัสดุก่อสร้างจากแกนกัญชง ผ้าทอจากใยกัญชา สำหรับประชาชน หรือกลุ่มเกษตรกร ที่สนใจที่จะปลูกกัญชา สามารถดำเนินการยื่นขึ้นทะเบียนขออนุญาตปลูกกัญชาถูกต้องตามกฎหมายได้ที่ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) หรือในพื้นที่ต่างจังหวัด สามารถยื่นขึ้นทะเบียนได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอในพื้นที่เพื่อรับใบรับรอง ทั้งนี้ กลุ่มเกษตรกรจะไม่สามารถดำเนินการจดทะเบียนในนามบุคคลหรือนิติบุคคลได้ จะต้องดำเนินการยื่นขึ้นทะเบียนรับรองในนาม “วิสาหกิจชุมชน” ตามกฎหมายกำหนด จึงจะสามารถปลูกกัญชาได้อย่างถูกต้อง

ประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ ๔๒๕) พ.ศ. ๒๕๖๔ เรื่องกัญชง

ประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ ๔๒๕) พ.ศ. ๒๕๖๔ ออกตามความในพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. ๒๕๒๒ เรื่อง เมล็ดกัญชง น้ำมันจากเมล็ดกัญชง โปรตีนจากเมล็ดกัญซง และผลิตภัณฑ์อาหารที่มีส่วนประกอบของเมล็ดกัญชง น้ำมันจากเมล็ดกัญชง หรือโปรตีนจากเมล็ดกัญชง ด้วยนโยบายของรัฐบาลที่ส่งเสริมและพัฒนากัญชงเป็นพืชเศรษฐกิจ โดยการออกประกาศกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยเรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท ๕ ยกเว้นบางส่วนของกัญชงที่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามที่คณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษออกประกาศกำหนดไว้ ให้สามารถนำมาใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร และอุตสาหกรรมอื่นๆ ได้ ทั้งนี้ การนำมาใช้เป็นอาหารต้องเป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยอาหารและต้องใช้ตามวัตถุประสงค์ทางอาหารเท่านั้น

ปลูกกัญชา หลังประกาศประมวลกฏหมายยาเสพติต

https://www.youtube.com/watch?v=PtqPwb1-HIk ในสถานการณ์หลังจากประกาศใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติดฉบับแรกของประเทศไทย โดยเฉพาะเรื่องกัญชาถือว่ายังเป็นกระแส จะไปต่อ หรือจะหยุด หรือจะถอยหลัง ตอนนี้เป็นวิกฤติ หรือโอกาส ตอนนี้ในฐานะที่คุณนีโน่ ถือว่าเป็นผู้ปลูกกัญชารายใหญ่ ถือว่ารายใหญ่ของประเทศไทยทีเดียว ทั้งอินดอร์ เอาท์ดอร์ ก็ถือว่ามีประสบการณ์จริงๆ แล้วช่วงที่หลายคนกำลังจะเดินหน้าต่อ หรือถอยหลังอย่างที่ผมบอกนี้ ก็เลยอยากทราบจากคุณนีโน่ ว่าสิ่งที่คุณโน่ทำอยู่ตอนนี้ ทำอย่างไรถึงจะได้ปลูกกัญชาในสถานการณ์นี้ตั้งแต่เริ่มต้นเลยต้องทำอะไรกระบวนการยังไง เริ่มต้นคุณต้องมีความพร้อมเรื่องใจรักก่อน หลังจากนั้น ก็รวมกลุ่มวิสาหกิจ ก็ยังเป็นกระบวนการวิสาเหมือนเดิมอยู่ คือเดี๋ยวนี้มี 2 แบบ ในอนาคตเรื่องเรื่องปลูกกัญชาหลังจาก 9 มิถุนายน นั่นคืออธิบาย 2 ส่วนนะครับผม ตามแนวทางนะครับผมร่างของพรบ.ฉบับใหม่ บุคคลธรรมดาที่จะสามารถเข้าถึงการปลูกกัญชาที่ถูกต้องตามนโยบายว่า ทุกคนอยากปลูก ได้ปลูก คือสรุปให้เห็นชัดๆก็คือมี 2 แบบ ก็คือการจดแจ้ง กับขออนุญาต การจดแจ้งก็คือปลูกได้ทุกครัวเรือนห้ามจำหน่ายจ่ายแจก แต่ถ้าปลูกการขอญาติ คือเพื่อเสริมสร้างเศรษฐกิจ จดแจ้งในตามร่างพรบ.ฉบับใหม่ ผู้ที่อนุญาตก็คือนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด ถ้าอยู่ต่างจังหวัด แต่ถ้าในกรุงเทพฯ ก็เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ก็แบ่งเป็นสองส่วนส่วนกลางกับส่วนภูมิภาค นั้นคือคุณต้องไปยื่นความจำนงเพื่อที่จะปลูกกัญชาภายในครัวเรือน ก็คือปลูกตามความจำเป็น ดูแลตัวเองหรือปรุงอาหารภายในครัวเรือน ทางเจ้าหน้าที่ก็จะมีระบบติดตาม จะเป็นลักษณะ application ลักษณะหมอพร้อม อันนี้อาจจะเป็นกัญชาพร้อม เช่น ครัวเรือนนี้ปลูกกี่ต้น

กัญชารักษาได้ทุกโรคจริงหรือ?

https://www.youtube.com/watch?v=Y8wijnS8lkk สาเหตุของโรคต่างๆ มีใครเคยสงสัยไหมว่าโรคต่างๆเกิดขึ้นมาได้ยังไง วันนี้จะมาตอบประเด็นนี้ แล้วอีกประเด็นนึงตอนนี้สมุนไพรที่อินเทรนด์มากๆ ก็คือกัญชา มีใครสงสัยว่ากัญชารักษาโรคอะไรบ้าง หรือว่ากัญชารักษาได้ทุกโรคจริงไหม มีหลายคนสงสัยเข้ามามากเลย เพราะฉะนั้นวันนี้ก็ขออนุญาตที่จะมาตอบประเด็นนี้เช่นเดียวกัน เพราะเราจะมีสองประเด็นหลักที่เราจะมาตอบกัน อันแรกนะคะโรคต่างๆเกิดขึ้นมาได้อย่างไร โรคต่างๆเนี่ยจริงๆแล้วนะเกิดมาจากการอักเสบนั่นเองที่เกิดขึ้นในร่างกาย ทีนี้เราจะมาทำความเข้าใจกันว่าการอักเสบนำไปสู่โรคได้ยังไง ต้องขออธิบายก่อนในหลักวิทยาศาสตร์ว่าจริงๆแล้วการอักเสบเนี่ยมันไม่ใช่สิ่งที่ไม่ดีขนาดนั้น การอักเสบเกิดขึ้นมาในร่างกายก็ต่อเมื่อเวลาที่มันมีสิ่งแปลกปลอมหรือว่าสิ่งอันตรายกับร่างกายเนี่ยเข้ามาข้างในร่างกาย หรือว่าแม้แต่การที่ร่างกายเริ่มมีการเสื่อมสักอย่างก็จะมีการอักเสบเกิดขึ้น การอักเสบเกิดขึ้นมาเนี่ยเพื่อที่จะเรียกพวกเซลล์เม็ดเลือดขาวต่างๆก็จะมารวมตัวที่จุดเกิดเหตุเพื่อจะขับไล่สิ่งแปลกปลอมสิ่งที่เป็นอันตรายกับร่างกายให้ออกไป แล้วจะกำจัดพวกเซลล์ที่มันถูกทำลาย เพื่อให้ร่างกายสามารถกลับมาฟื้นฟูตัวเองได้นั่นเอง เพราะฉะนั้นจริงๆแล้วการอักเสบเป็นกระบวนการตามธรรมชาติที่จะช่วยทำให้ร่างกายเราเนี่ยกำจัดสิ่งแปลกปลอมออกไป แล้วก็กำจัดเนื้อเยื่อที่มันถูกทำลายออกไป เพื่อที่ร่างกายจะได้กลับมารักษาตัวเองใหม่ แต่ว่าถ้าเกิดว่าการอักเสบมีมากเกินไปหรือว่าการอักเสบเรื้อรังเลยเนี่ยมันจะนำไปสู่ผลเสียมากกว่าผลดีแทนที่เนื้อเยื่อของเราหลังจากจบจากการอักเสบ แทนที่เนื้อเยื่อจะได้กลับมารักษาตัว ยังกลายเป็นว่าการอักเสบเกิดขึ้นต่อเนื่องเรื่อยๆ ก็จะกลายเป็นว่าเนื้อเยื่อส่วนนั้นก็จะถูกทำลายต่อไป และในระหว่างที่เกิดการอักเสบมันจะมีโมเลกุลชนิดที่เค้าเรียกว่า Cytokines และ Chemokines ซึ่งตรงนี้จะเป็นตัวสารอักเสบที่เกิดขึ้นมาในระหว่างที่มีการอักเสบขึ้นในร่างกาย ซึ่งตัวนี้แหละจะเป็นตัวที่นำพาการอักเสบ แล้วก็ถ้ามันอยู่นานเกินไปมันก็จะนำพาเราไปสู่โรคต่างๆนั่นเอง เพราะฉะนั้นค่ะสรุปก็คือเมื่อการอักเสบเกิดขึ้นถ้ามันไม่จบไปแต่มันเป็นการสิ่งที่เรื้อรังเนี่ยมันก็จะนำไปสู่โรคต่างๆนั่นเอง ทีนี้ถามว่าการอักเสบเนี่ยนำไปสู่โรคอะไรบ้างเยอะมากเลย การอักเสบเรื้อรังนำไปสู่หลายโรคเลย ก็จะมีอย่างเบาหวาน โรคเกี่ยวกับโรคประสาท โรคแพ้ภูมิตัวเอง โรคเกี่ยวกับหลอดเลือดสมอง โรคไขข้อ โรคปลายประสาทอักเสบ โรคเกี่ยวกับโรคปอด อัลไซเมอร์ หลอดเลือดหัวใจ โรคไต โรคเกี่ยวกับตา ก็จะเห็นว่าไม่ใช่แค่จุดเดียว แต่หลายอวัยวะเนี่ยมีการเกิดขึ้นของโรค ทั้งหมดนี้ล้วนมาจากการอักเสบที่เกิดขึ้นภายในร่างกาย เพราะฉะนั้นก็จะเห็นว่าการอักเสบเป็นบ่อเกิดของหลายโรคนั่นเอง ขอยกตัวอย่างเช่นโรคมะเร็ง จริงๆโรคมะเร็งเนี่ยเรามักจะคิดว่าโรคมะเร็งเกิดจากการที่เซลล์มะเร็งมันเติบโต แต่ต้องถามว่าเซลมะเร็งเติบโตขึ้นมาได้ยังไง จริงๆแล้วเซลล์มะเร็งเนี่ยมันก็จะมีอยู่ในร่างกายมันจะถูกยับยั้งด้วยเม็ดเลือดขาว ที่ไปฆ่าไม่เซลล์มะเร็งมันเติบโตลามลุกลามต่อไป แต่เซลล์มะเร็งมาสามารถถูกกระตุ้นให้เติบโตได้นั้นก็ต่อเมื่อมีการอักเสบที่เกิดขึ้นเรื้อรัง อย่างเช่นเมื่อมีการอักเสบเกิดขึ้นมันจะมีสาร Cytokines

พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 8) พ.ศ.2564

พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๖๔ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นปีที่ ๖ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของรัฐสภา ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๖๔” มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดเก้าสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ ให้ยกเลิกความใน (๕) ของวรรคหนึ่งของมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “(๕) ประเภท ๕ ยาเสพติดให้โทษที่มิได้เข้าอยู่ในประเภท ๑ ถึงประเภท ๔ เช่น กัญชา”

จุดปลูกกัญชาถูกกฎหมายทั่วไทย

หลังจากที่กัญชาได้รับการ ‘ปลดล็อก’ จากข้อกฎหมายที่กำหนดให้กัญชา จัดเป็นยาเสพติดให้โทษ กลุ่มประชาชนภาคการเกษตรจึงอาศัยโอกาสอันดีครั้งนี้รวมกลุ่มเป็น “กลุ่มวิสาหกิจชุมชน” ตามภูมิภาคต่างๆทั่วประเทศ โดยมีมากกว่าหนึ่งร้อยแห่งที่มีชื่อขึ้นทะเบียนขออนุญาตปลูกกัญชาถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งนับรวมไปถึงกลุ่มองค์กรอื่นๆ ที่ยื่นขอสิทธิ์ในการปลูก ทั้งในระดับสถาบันการศึกษา และสถาบันทางการแพทย์ เพื่อเป็นพื้นที่ในการสร้างรายได้ให้กลุ่มเกษตรกร ต่อเนื่องไปยังกลุ่มผู้ที่นำกัญชาไปแปรเปลี่ยน สกัด หรือการผสมผสานให้เกิดคุณประโยชน์ที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าผู้ที่สนใจที่จะศึกษาเรียนรู้ หรือมีความคิดที่จะนำกัญชาไปต่อยอด สามารถที่จะเข้าไปศึกษาจากแหล่งเพาะปลูกที่มีอยู่กระจายทั่วประเทศ สำหรับพื้นที่เพาะปลูกต่างๆ มีด้วยกันทั้งพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล พื้นที่ภาคเหนืออันประกอบไปด้วยจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน ลำปาง พิจิตร ตาก ลำพูน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีจังหวัดบุรีรัมย์ นครราชสีมา อุดรธานี สระบุรี อำนาจเจริญ เลย นครพนม ชัยภูมิ ขอนแก่น มหาสารคาม สกลนคร ส่วนภาคกลาง มีจังหวัดนครสวรรค์ ลพบุรี กาญจนบุรี ราชบุรี สมุทรสงคราม อุทัยธานี ในพื้นที่ภาคใต้ประกอบไปด้วย จังหวัดพัทลุง สตูล กระบี่ สงขลา และภาคตะวันออก มีจังหวัดปราจีนบุรี ชลบุรี และจังหวัดระยอง ซึ่งถือได้ว่าเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชน และองค์กรประเภทอื่นที่ยื่นขึ้นทะเบียนขออนุญาตปลูกกัญชาถูกต้องตามกฎหมายต่อสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา รามทั้งสิ้น

ข่าวงานกิจกรรม

มหกรรมกัญชากัญชง 360° เพื่อประชาชน

มหกรรมกัญชากัญชง 360° เพื่อประชาชน การแพทย์ก้าวหน้าด้วยกัญชาทางการแพทย์ เศรษฐกิจไทยสู่เศรษฐกิจโลกด้วยกัญชง พืชเศรษฐกิจแห่งอนาคต 5 – 7 มีนาคม 2564 เวลา 08.30-17.30 น. ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต พับกับ นิทรรศการมีชีวิตกัญชากัญชง 360°องศาเพื่อประชาชน ตำรับยา อาหาร เวชสำอาง ก้าวแรกกัญชาจากการคลายล็อก หัวข้อเสวนากัญชากัญชงและวิทยากรที่ดีที่สุดของประเทศ นวัตกรรมกัญชงสร้างมูลค่าด้วยภูมิปัญญาคนไทย ผลิตภัณฑ์กัญชากัญชงจากวิสาหกิจชุมชนทั่วประเทศ เรียนรู้เพื่อต่อยอดกับเวิร์กชอปกัญชากัญชง ฟรีทุกวัน รับบริการตรวจรักษาฟรีที่คลินิกกัญชาทางการแพทย์แบบบูรณาการ

สังฆทานสมุนไพรใส่ใจสุขภาพข้อเข่าพระสงฆ์

สังฆทานสมุนไพรใส่ใจสุขภาพข้อเข่าพระสงฆ์ พบกับ พท.ป.เธียรธรรม อภิจรรยาธรรม ที่ Facebook Live กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก วันอังคาร 23 กุมภาพันธ์ 2564 ตั้งแต่เวลา 11.00 – 11.15 น.

มหกรรมกัญชากัญชง 360°เพื่อประชาชน

มหกรรมกัญชากัญชง 360°เพื่อประชาชน มหกรรมกัญชาเพิ่มคุณภาพชีวิตกัญชงยกระดับเศรษฐกิจมหาชน วันที่ 7-8 ธันวาคม สนามช้างอารีน่า จ.บุรีรัมย์ ร่วมกิจกรรม ฟรี! ตลอดงาน คลินิกกัญชา บริการทางการแพทย์จากสาธารณสุขเพื่อประชาชน การสัมมนา การบรรยายองค์ความรู้เรื่องกัญชาและกัญชงในทุกมิติแบบ 360 องศ กฎหมาย เรียนรู้กฎหมายการกำกับดูแลกัญชา-กัญชง พร้อมเจาะลึกการยื่นคำขออนุญาตปลูกและการนำไปใช้ประโยชน์ เศรษฐกิจ นวัตกรรมการผลิตและแปรรูปเชิงเศรษฐกิจระดับมหาชน งานมหกรรมกัญชาทางการแพทย์ กัญชงพืชเศรษฐกิจแห่งอนาคต กับการแพทย์แผนไทยและการแพทย์พื้นบ้านไทย กิจกรรม ภายในงาน มหกรรมกัญชา กัญชง 360 เพื่อประชาชน 6 – 8 ธันวาคม 2563 นิทรรศการกัญชาทางการแพทย์แผนไทยและการแพทย์พื้นบ้าน เส้นทางท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เครือข่ายผู้ปลูกผู้ผลิตกัญชาทางการแพทย์แผนไทย หมอยาพื้นบ้าน จาก 4 ภูมิภาค 7 ธันวาคม 2563 เวลา 13.00-16.00 น. มอบนโยบายการแพทย์แผนไทย “สมุนไพรเพื่อเศรษฐกิจ กัญชา กัญชง” โดย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ปลัดกระทรวงสาธารณสุข , อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ณ ห้องบอลรูม ชั้น 2 สนามช้างอารีนา 7-8 ธันวาคม 2563 งานประชุมวิชาการ คลินิกกัญชาทางการแพทย์แผนไทยสัญจร สามารถจองผ่าน Application : Dr.Ganja in TTM   กัญชาทางการแพทย์ กัญชงพืชเศรษฐกิจแห่งอนาคต กับการแพทย์แผนไทยและการแพทย์พื้นบ้านไทย พบกับ หน่วยบริการ คลินิกกัญชาทางการแพทย์ไทย ระหว่างเวลา 08.00 น. – 17.00 น. รับทราบ “ใช้น้ำมันกัญชาอย่างไร เพื่อประโยชน์ต่อสุขกาพ” ตรวจประเมินและให้การบริบาลด้วยน้ำมันกัญชา โดยแพทย์แผนไทย วันละ 1,000 คน ฟรี สำรองคิวล่วงหน้า สำหรับ Android จองผ่าน

Health Tourism ฟื้นคืนสุขภาพด้วยสมุนไพร หลังโควิด 19

Health Tourism ฟื้นคืนสุขภาพด้วยสมุนไพร หลังโควิด 19 CHA-AM GARDEN BEACH HOTEL @เพชรบุรี 3 วัน 2 คืน ทริปจัดเต็มสุขภาพกับแพทย์แผนไทย #เกี่ยวกับหมอ #ล้างพิษตับน้ำดี คอร์สปรับสมดุลสุขภาพ จำนวน 30 ราย เสริมแกร่งให้ตับและน้ำดี + เพิ่มออร่าชีวิต การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ คอร์สคืนกำไรให้ชีวิต “ปรับสมดุลสุขภาพตับและน้ำดี” ณ.โรงแรมชะอำการ์เด้น ริมหาดชะอำ วันที่ 7 8 9 พฤศจิกายน 2563  วันที่ 7 พ.ย. 63 10.00-12.00 ลงทะเบียนและประเมินสุขภาพเบื้องต้น โดยทีมงานคณะแพทย์อายุรเวท 12.00-13.00 รับประทานอาหารปรับสมดุลสุขภาพองค์รวม 13.00-15.00 ฟังบรรยายสุขภาพ แนะนำวิทยากรพี่เลี้ยง เตรียมร่างกาย ปรับภูมิคุ้มกัน 18.00-21.00 คอร์สอาหารปรับน้ำดี ผ่อนคลายจิตใจด้วยสมาธิบำบัด 21.00 น. คอร์สการนอนและการหายใจที่ถูกวิธี โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการพักผ่อน วันที่ 8 พ.ย. 63 5.00-7.00 กิจกรรมออกกำลังกายลอยตัวในน้ำทะเลคลายความเครียดระดับลึก 8.00-9.00 ทานอาหารเช้า สมุนไพรปรับน้ำดี 10.00-12.00 เรียนรู้การปรุงยาประจำธาตุด้วยตนเอง ธาตุประจำตัว ธาตุกำเนิดกับการเจ็บป่วย 12.00-13.00 รับประทานอาหารปรับสมดุลน้ำดี 14.00-16.00 นวดคลายกล้ามเนื้อ เสริมความรู้น้ำมันกัญชา ฟื้นฟูซ่อมเส้น ปรับสมดุลร่างกาย 18.00-19.00 ออกกำลังกายในน้ำ ฟื้นฟูข้อต่อต่างๆ 19.00-22.00 รับประทานอาหารเย็นปรับน้ำดี ดนตรีบำบัด วันที่ 9 พ.ย. 63 5.00-8.00 กิจกรรมออกกำลังกาย นวดต่อมน้ำเหลือง ฤาษีดัดตนประยุกต์ อบสมุนไพรขับของเสียเสริมสร้างภูมิต้านทาน 8.00-9.00 ทานอาหารเช้า สมุนไพรปรับน้ำดี 10.00-12.00 เรียนรู้การนวดร่างกายบำบัดความเจ็บป่วยยามฉุกเฉิน 12.00-13.00 ทานอาหารเที่ยง ปรับสมดุลธาตุทั้ง 4

มหกรรมกัญชากัญชง 360° เพื่อประชาชน

มหกรรมกัญชากัญชง 360° เพื่อประชาชน การแพทย์ก้าวหน้าด้วยกัญชาทางการแพทย์ เศรษฐกิจไทยสู่เศรษฐกิจโลกด้วยกัญชง พืชเศรษฐกิจแห่งอนาคต 5 – 7 มีนาคม 2564 เวลา 08.30-17.30 น. ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต พับกับ นิทรรศการมีชีวิตกัญชากัญชง 360°องศาเพื่อประชาชน ตำรับยา อาหาร เวชสำอาง ก้าวแรกกัญชาจากการคลายล็อก หัวข้อเสวนากัญชากัญชงและวิทยากรที่ดีที่สุดของประเทศ นวัตกรรมกัญชงสร้างมูลค่าด้วยภูมิปัญญาคนไทย ผลิตภัณฑ์กัญชากัญชงจากวิสาหกิจชุมชนทั่วประเทศ เรียนรู้เพื่อต่อยอดกับเวิร์กชอปกัญชากัญชง ฟรีทุกวัน รับบริการตรวจรักษาฟรีที่คลินิกกัญชาทางการแพทย์แบบบูรณาการ

สังฆทานสมุนไพรใส่ใจสุขภาพข้อเข่าพระสงฆ์

สังฆทานสมุนไพรใส่ใจสุขภาพข้อเข่าพระสงฆ์ พบกับ พท.ป.เธียรธรรม อภิจรรยาธรรม ที่ Facebook Live กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก วันอังคาร 23 กุมภาพันธ์ 2564 ตั้งแต่เวลา 11.00 – 11.15 น.

มหกรรมกัญชากัญชง 360°เพื่อประชาชน

มหกรรมกัญชากัญชง 360°เพื่อประชาชน มหกรรมกัญชาเพิ่มคุณภาพชีวิตกัญชงยกระดับเศรษฐกิจมหาชน วันที่ 7-8 ธันวาคม สนามช้างอารีน่า จ.บุรีรัมย์ ร่วมกิจกรรม ฟรี! ตลอดงาน คลินิกกัญชา บริการทางการแพทย์จากสาธารณสุขเพื่อประชาชน การสัมมนา การบรรยายองค์ความรู้เรื่องกัญชาและกัญชงในทุกมิติแบบ 360 องศ กฎหมาย เรียนรู้กฎหมายการกำกับดูแลกัญชา-กัญชง พร้อมเจาะลึกการยื่นคำขออนุญาตปลูกและการนำไปใช้ประโยชน์ เศรษฐกิจ นวัตกรรมการผลิตและแปรรูปเชิงเศรษฐกิจระดับมหาชน งานมหกรรมกัญชาทางการแพทย์ กัญชงพืชเศรษฐกิจแห่งอนาคต กับการแพทย์แผนไทยและการแพทย์พื้นบ้านไทย กิจกรรม ภายในงาน มหกรรมกัญชา กัญชง 360 เพื่อประชาชน 6 – 8 ธันวาคม 2563 นิทรรศการกัญชาทางการแพทย์แผนไทยและการแพทย์พื้นบ้าน เส้นทางท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เครือข่ายผู้ปลูกผู้ผลิตกัญชาทางการแพทย์แผนไทย หมอยาพื้นบ้าน จาก 4 ภูมิภาค 7 ธันวาคม 2563 เวลา 13.00-16.00 น. มอบนโยบายการแพทย์แผนไทย “สมุนไพรเพื่อเศรษฐกิจ กัญชา กัญชง” โดย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ปลัดกระทรวงสาธารณสุข , อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ณ ห้องบอลรูม

ข่าวจากราชการ​

กรมการแพทย์แผนไทยฯ แนะประชาชนดูแลสุขภาพ เตรียมพร้อมรับหน้าร้อน ด้วยศาสตร์แผนไทยและสมุนไพร

กรมการแพทย์แผ่นไทยและการแพทย์ทางเลือก แนะประชาชนดูแลสุขภาพด้วยศาสตร์การแพทย์แผนไทย รับภาวะวิกฤตอากาศร้อนของประเทศไทย ด้วยศาสตร์การแพทย์แผนไทยและสมุนไพร ชู ตำรับยาหอม ตำรับยาสมุนไพร เมนูอาหาร และ เครื่องดื่มที่เหมาะจะรับประทาน แก้อาการโรคที่พบได้บ่อยในช่วงฤดูร้อน นายแพทย์ขวัญชัย วิศิษฐานนท์ รองธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า ในช่วงนี้ กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศให้ประเทศไทยเข้าสู่สภาวะฤดูร้อนอย่างเป็นทางการ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก อยากแนะนำให้ประชาชนหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพด้วยศาสตร์การแพทย์แผนไทย เพื่อห่างไกลโรคในช่วงฤดูร้อน สำหรับโรคที่มักจะเกิดในช่วงฤดูร้อน ได้แก่อาการหน้ามืดเป็นลม โรคลมแดด (Heatstroke) โรคอุจจาระร่วงแบบเฉียบพลัน และ โรคผิวหนัง ในส่วนกลุ่มอาการหน้ามืดเป็นลม หรือ มีอาการของโรคลมแดด (Heatstroke) เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนจัดทำให้ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ หรือ ผู้ที่ต้องทำงานอยู่กลางแจ้ง ได้รับผลกระทบโดยตรง จึงอยากแนะนำให้พก ตำรับยาหอมติดตัว เนื่องจาก ยาหอมเป็นตำรับยาที่อยู่เคียงคู่กับคนไทยมาช้านาน มีสรรพคุณ ใช้แก้ลม บำรุงหัวใจ แก้ลมวิงเวียน คลื่นเหียนอาเจียน แก้จุกเสียด เป็นต้น สำหรับยาหอมที่แน่ะนำ ได้แก่ ยาหอมเทพจิตร ยาหอมทิพโสถ ยาหอมนวโกฐ เป็นต้น และในช่วงฤดูร้อน อยากแนะนำให้ประชาชนพกยาดมสมุนไพรติดตัว อยู่เสมอ สรรพคุณ บรรเทาอาการหน้ามืดเป็นลม วิงเวียนศีรษะ ซึ่งสะดวกแก่การพกพา ใช้สูดตมเมื่อมีอาการ อีกโรคที่คนส่วนใหญ่มักจะมีอาการในช่วงฤดูร้อน คือ โรคอุจจาระร่วงแบบเฉี่ยบพลัน สำหรับยาสมุนไพรที่อยากแนะนำให้พกติดบ้าน ติดตัว ในช่วงฤดูร้อน ได้แก่ ยาเหลืองปิดสมุทร สรรพคุณ รรเทาอาการท้องเสียชนิดที่ไม่เกิดจากการติดเชื้อ เช่น อุจจาระ ไม่เป็นมูก หรือมีเลือดปน และ ท้องเสียชนิดที่ไม่มีข้ ยาธาตุบรรจบ สรรพคุณ บรรเทาอาการอุจจาระธาตุพิการ ท้องเสียชนิดที่ไม่เกิดจากการติดเชื้อ ท้องเสียชนิตที่ไม่มีไข้ กล้วยน้ำว้าดิบหรือห่าม รับประทานครึ่งผล – 1 ผล หรือหั่น เป็นแว่นๆ ตากให้แห้ง บดเป็นผง ชงดื่มวันละ 4 ครั้ง ก่อนอาหารและก่อนนอน ฟ้าทะลายโจร รักษาอาการท้องเสีย แบบไม่ติดเชื้อ การดูแลผิวพรรณในช่วงฤดูร้อนก็เป็นสิ่งสำคัญ อาการพบได้บ่อย

สธ.หนุนการแพทย์แผนไทย การแพทย์ทางเลือก ขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ

วันที่ 11 พฤศจิกายน 2565 ที่ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพมหานคร นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.ยงยศ ธรรมวุฒิ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.ธงชัย เลิศวิไลรัตนพงศ์ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการสื่อสารนโยบายกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก และพัฒนาศักยภาพบุคลากรที่เกี่ยวข้องด้านการคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย ปีงบประมาณ 2566 เพื่อสื่อสารนโยบายและแลกเปลี่ยนกลไกการขับเคลื่อนงานการแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้านไทย การแพทย์ทางเลือก การคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย โดยมีนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (ในฐานะนายทะเบียนจังหวัดตามพ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ.2542) หัวหน้ากลุ่มงานการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ในสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ผู้ช่วยนายทะเบียนจังหวัด และบุคลากรที่เกี่ยวข้องในงานการแพทย์แผนไทย การแพทย์ทางเลือก และงานคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย ร่วมประชุมในรูปแบบ Onsite และ Online รวม 230 คน นพ.โอภาส กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายการดำเนินงานในปีงบประมาณ 2566 ภายใต้แนวคิด “คนไทยสุขภาพดี เศรษฐกิจไทยมั่งคั่ง” (Health for Wealth) นำสุขภาพมาขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย “ประชาชนแข็งแรง เศรษฐกิจไทยเข้มแข็ง ประเทศไทยแข็งแรง” โดยมีการแพทย์แผนไทย การแพทย์ทางเลือก สมุนไพร ภูมิปัญญาไทย และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เป็นปัจจัยขับเคลื่อนที่สำคัญ ซึ่งจากข้อมูลในปี 2563 ธุรกิจการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพมีมูลค่าตลาดรวมกว่า 4.4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยประเทศไทยติด 1 ใน 10 ของประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก มีมูลค่าทางการตลาดถึง 29 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่วนการบริโภคผลิตภัณฑ์สมุนไพรในประเทศไทย ปี 2565 ก็มีมูลค่าสูงถึง 52,104.3 ล้านบาท ทั้งนี้ การสนับสนุนงานด้านการแพทย์แผนไทย การแพทย์ทางเลือก สมุนไพร ภูมิปัญญาไทย และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เพื่อมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub) นอกจากจะช่วยสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้ประชาชน ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศ ยังเป็นการปกป้องคุ้มครองภูมิปัญญาทางการแพทย์แผนไทย สมุนไพรไทย ให้ยังคงอยู่อย่างทรงคุณค่าในเชิงสังคมและวัฒนธรรมของชาติด้วย ด้าน

กรมการแพทย์แผนไทยฯ เผยหลักธรรมานามัย ดูแลสุขภาพผู้ป่วยมะเร็งด้วยวิถีธรรมชาติ

กรมการแพทย์แผนไทยฯ เผยหลักธรรมานามัย ดูแลสุขภาพผู้ป่วยมะเร็งด้วยวิถีธรรมชาติ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก แนะนำหลักการดูแลสุขภาพผู้ป่วยมะเร็งแบบบูรณาการด้วยการแพทย์แผนไทยตามหลักธรรมานามัย ซึ่งเป็นการดูแลสุขภาพผู้ป่วยแบบองค์รวมครอบคลุมทั้งด้านร่างกาย จิตใจ จิตวิญญาณ สังคม และสิ่งแวดล้อม นายแพทย์ขวัญชัย วิศิษฐานนท์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า ตามที่องค์การอนามัยโลก WHO กำหนดให้วันที่ 4 กุมภาพันธ์ ของทุกปีเป็นวันมะเร็งโลก (World Cancer Day) เพื่อให้คนทั่วโลกตระหนักถึงความสำคัญของโรคนี้ จากรายงานข้อมูลของสำนักสถิติแห่งชาติ พบว่า มะเร็งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับหนึ่ง และมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ และพบว่า ปัจจัยภายนอกร่างกายหรือสิ่งแวดล้อม ได้แก่ การได้รับสารก่อมะเร็งที่ปนเปื้อนมากับอาหาร เครื่องดื่ม และพฤติกรรมสุขภาพที่ไม่เหมาะสม เช่น การสูบบุหรี่ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การมีความเครียดอยู่เสมอ รวมถึงขาดการพักผ่อนที่เพียงพอ ซึ่งปัญหาที่กล่าวมาข้างต้นเป็นสาเหตุหลักของการเกิดโรคมะเร็งกว่าร้อยละ 80 ของคนทั่วไป ดังนั้น เพื่อเป็นเกราะป้องกันและเป็นการเยียวยาสุขภาพของผู้ป่วยมะเร็ง กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ขอแนะนำการดูแลสุขภาพผู้ป่วยมะเร็งแบบบูรณาการด้วยการแพทย์แผนไทยตามหลัก “ธรรมานามัย”เป็นการดูแลสุขภาพผู้ป่วยมะเร็งแบบองค์รวมที่ครอบคลุมทั้งด้านร่างกาย จิตใจ จิตวิญญาณ สังคม และสิ่งแวดล้อม เสริมภูมิคุ้มกันของร่างกาย ป้องกันการเกิดโรคที่ต้นเหตุ ซึ่งประกอบด้วยการดูแลสุขภาพ 3 องค์ประกอบดังนี้ กายานามัย (Healthy body) เป็นการดูแลสุขภาพด้านร่างกายให้แข็งแรง เริ่มตั้งแต่อาหารการกิน โดยเน้นเมนูอาหารพื้นบ้าน อาทิเช่น แกงส้ม แกงเลียง แกงเหลือง และแกงป่า จากการศึกษาวิจัยของ ผศ.ดร.สมศรี เจริญเกียรติกุล อาจารย์ประจำสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล พบว่า น้ำแกง ทั้ง 4 ชนิด สามารถทำให้เซลล์มะเร็งฝ่อไปตามธรรมชาติได้สูง ช่วยลดการอักเสบ ลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งได้ นอกจากนี้ ยังพบว่า การนอนหลับพักผ่อนที่เพียงพอ การหลีกเลี่ยงอบายมุขหรือพฤติกรรมต่าง ๆ ที่ไม่เหมาะสม รวมถึง การออกกำลังกายด้วยฤๅษีดัดตน หรือการออกกำลังกายอื่น ๆ ตามความเหมาะสม จิตตานามัย (Healthy mind) เป็นการดูแลด้านจิตใจของผู้ป่วย โดยยึดคำว่า “จิตเป็นนายกายเป็นบ่าว”ด้วยกิจกรรมบำบัดต่าง ๆ ได้แก่ สมาธิบำบัด, สวดมนต์บำบัด, ศิลปะบำบัด, ดนตรีบำบัด,

สวัสดีปีใหม่ 2564

ขอทุ่มเทกำลังกาย กำลังใจ สติ ปัญญา ความสามารถที่มี ร่วมมือร่วมใจกับทีมผู้บริหาร เพื่อนข้าราชการและเครือข่าย  เพื่อพัฒนางานการแพทย์แผนไทยของเรา ให้มีความเจริญรุ่งเรืองพัฒนาก้าวหน้ายิ่งขึ้นต่อไปครับ นายแพทย์ขวัญชัย วิศิษฐานนท์รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก

กรมการแพทย์แผนไทยฯ แนะประชาชนดูแลสุขภาพ เตรียมพร้อมรับหน้าร้อน ด้วยศาสตร์แผนไทยและสมุนไพร

กรมการแพทย์แผ่นไทยและการแพทย์ทางเลือก แนะประชาชนดูแลสุขภาพด้วยศาสตร์การแพทย์แผนไทย รับภาวะวิกฤตอากาศร้อนของประเทศไทย ด้วยศาสตร์การแพทย์แผนไทยและสมุนไพร ชู ตำรับยาหอม ตำรับยาสมุนไพร เมนูอาหาร และ เครื่องดื่มที่เหมาะจะรับประทาน แก้อาการโรคที่พบได้บ่อยในช่วงฤดูร้อน นายแพทย์ขวัญชัย วิศิษฐานนท์ รองธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า ในช่วงนี้ กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศให้ประเทศไทยเข้าสู่สภาวะฤดูร้อนอย่างเป็นทางการ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก อยากแนะนำให้ประชาชนหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพด้วยศาสตร์การแพทย์แผนไทย เพื่อห่างไกลโรคในช่วงฤดูร้อน สำหรับโรคที่มักจะเกิดในช่วงฤดูร้อน ได้แก่อาการหน้ามืดเป็นลม โรคลมแดด (Heatstroke) โรคอุจจาระร่วงแบบเฉียบพลัน และ โรคผิวหนัง ในส่วนกลุ่มอาการหน้ามืดเป็นลม หรือ มีอาการของโรคลมแดด (Heatstroke) เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนจัดทำให้ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ หรือ ผู้ที่ต้องทำงานอยู่กลางแจ้ง ได้รับผลกระทบโดยตรง จึงอยากแนะนำให้พก ตำรับยาหอมติดตัว เนื่องจาก ยาหอมเป็นตำรับยาที่อยู่เคียงคู่กับคนไทยมาช้านาน มีสรรพคุณ ใช้แก้ลม บำรุงหัวใจ แก้ลมวิงเวียน คลื่นเหียนอาเจียน แก้จุกเสียด เป็นต้น สำหรับยาหอมที่แน่ะนำ ได้แก่ ยาหอมเทพจิตร ยาหอมทิพโสถ ยาหอมนวโกฐ เป็นต้น และในช่วงฤดูร้อน อยากแนะนำให้ประชาชนพกยาดมสมุนไพรติดตัว อยู่เสมอ สรรพคุณ บรรเทาอาการหน้ามืดเป็นลม วิงเวียนศีรษะ ซึ่งสะดวกแก่การพกพา

สธ.หนุนการแพทย์แผนไทย การแพทย์ทางเลือก ขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ

วันที่ 11 พฤศจิกายน 2565 ที่ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพมหานคร นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.ยงยศ ธรรมวุฒิ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.ธงชัย เลิศวิไลรัตนพงศ์ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการสื่อสารนโยบายกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก และพัฒนาศักยภาพบุคลากรที่เกี่ยวข้องด้านการคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย ปีงบประมาณ 2566 เพื่อสื่อสารนโยบายและแลกเปลี่ยนกลไกการขับเคลื่อนงานการแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้านไทย การแพทย์ทางเลือก การคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย โดยมีนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (ในฐานะนายทะเบียนจังหวัดตามพ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ.2542) หัวหน้ากลุ่มงานการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ในสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ผู้ช่วยนายทะเบียนจังหวัด และบุคลากรที่เกี่ยวข้องในงานการแพทย์แผนไทย การแพทย์ทางเลือก และงานคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย ร่วมประชุมในรูปแบบ Onsite และ Online รวม 230 คน นพ.โอภาส กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายการดำเนินงานในปีงบประมาณ 2566 ภายใต้แนวคิด “คนไทยสุขภาพดี เศรษฐกิจไทยมั่งคั่ง” (Health for Wealth) นำสุขภาพมาขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย “ประชาชนแข็งแรง เศรษฐกิจไทยเข้มแข็ง ประเทศไทยแข็งแรง” โดยมีการแพทย์แผนไทย การแพทย์ทางเลือก

กรมการแพทย์แผนไทยฯ เผยหลักธรรมานามัย ดูแลสุขภาพผู้ป่วยมะเร็งด้วยวิถีธรรมชาติ

กรมการแพทย์แผนไทยฯ เผยหลักธรรมานามัย ดูแลสุขภาพผู้ป่วยมะเร็งด้วยวิถีธรรมชาติ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก แนะนำหลักการดูแลสุขภาพผู้ป่วยมะเร็งแบบบูรณาการด้วยการแพทย์แผนไทยตามหลักธรรมานามัย ซึ่งเป็นการดูแลสุขภาพผู้ป่วยแบบองค์รวมครอบคลุมทั้งด้านร่างกาย จิตใจ จิตวิญญาณ สังคม และสิ่งแวดล้อม นายแพทย์ขวัญชัย วิศิษฐานนท์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า ตามที่องค์การอนามัยโลก WHO กำหนดให้วันที่ 4 กุมภาพันธ์ ของทุกปีเป็นวันมะเร็งโลก (World Cancer Day) เพื่อให้คนทั่วโลกตระหนักถึงความสำคัญของโรคนี้ จากรายงานข้อมูลของสำนักสถิติแห่งชาติ พบว่า มะเร็งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับหนึ่ง และมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ และพบว่า ปัจจัยภายนอกร่างกายหรือสิ่งแวดล้อม ได้แก่ การได้รับสารก่อมะเร็งที่ปนเปื้อนมากับอาหาร เครื่องดื่ม และพฤติกรรมสุขภาพที่ไม่เหมาะสม เช่น การสูบบุหรี่ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การมีความเครียดอยู่เสมอ รวมถึงขาดการพักผ่อนที่เพียงพอ ซึ่งปัญหาที่กล่าวมาข้างต้นเป็นสาเหตุหลักของการเกิดโรคมะเร็งกว่าร้อยละ 80 ของคนทั่วไป ดังนั้น เพื่อเป็นเกราะป้องกันและเป็นการเยียวยาสุขภาพของผู้ป่วยมะเร็ง กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ขอแนะนำการดูแลสุขภาพผู้ป่วยมะเร็งแบบบูรณาการด้วยการแพทย์แผนไทยตามหลัก “ธรรมานามัย”เป็นการดูแลสุขภาพผู้ป่วยมะเร็งแบบองค์รวมที่ครอบคลุมทั้งด้านร่างกาย จิตใจ จิตวิญญาณ สังคม และสิ่งแวดล้อม เสริมภูมิคุ้มกันของร่างกาย ป้องกันการเกิดโรคที่ต้นเหตุ ซึ่งประกอบด้วยการดูแลสุขภาพ 3 องค์ประกอบดังนี้ กายานามัย (Healthy body) เป็นการดูแลสุขภาพด้านร่างกายให้แข็งแรง เริ่มตั้งแต่อาหารการกิน โดยเน้นเมนูอาหารพื้นบ้าน อาทิเช่น

เกี่ยวกับ Covid-19

8 สมุนไพรไทย รอบบ้าน ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันต่อต้านไวรัส

จากการระบาดของไวรัส โควิด19 ทำให้เราหันมาใส่ใจกับสุขอนามัยและการเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกายมากขึ้น ทั้งเรื่องล้างมือบ่อยๆ สวมแมสก์ เว้นระยะห่างทางสังคม หลีกเลี่ยงกิจกรรมเสี่ยง รวมทั้งเลือกอาหารประเภทพืชผักสวนครัว สมุนไพรไทยที่เป็นประโยชน์กับร่างกายมากขึ้น โดยเฉพาะอาหารที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน ต่อต้านไวรัส รู้หรือไม่ว่าอาหารเหล่านี้ไม่ต้องไปหาที่ไหนไกล หาได้จากสมุนไพรริมรั้วรอบๆ บ้านเรานี่แหละ สมุนไพรเหล่านี้ที่มีหลักฐานทางวิชาการในการเสริมภูมิคุ้มกัน ลดการอักเสบ ต้านไวรัส และป้องกันโรคต่างๆ ได้ด้วย ขมิ้น : ขมิ้นมีสาร Curcuminoids ที่โดดเด่นด้านการลดอักเสบ มีงานวิจัยในหลอดทดลองพบว่า ขมิ้นชัน ช่วยยับยั้งการหลั่งสารอักเสบ และปรับภูมิคุ้มกันไม่ให้ เกิดการทำลายปอดให้เกิดความเสียหายจากการติดเชื้อไวรัส ทำเมนูอะไรดีนะ : แกงไก่ขมิ้น, ปลาทอดขมิ้น, น้ำต้มขมิ้น ข่า : เป็นสมุนไพรพื้นบ้านที่ใช้ในการรักษาหลอดลมอักเสบ ข่ามี Quercetin เป็นสารกลุ่มโพลีฟีนอล พบในพืชหลายชนิด มีฤทธิ์ลดอักเสบ เสริมภูมิคุ้มกัน ต้านไวรัส และต้านมะเร็ง ทำเมนูอะไรดีนะ : ต้มข่าไก่, ต้มยำกุ้ง, ตะไคร้ : คนสมัยก่อนใช้ตะไคร้รักษาปอดบวม แก้ไข้ แก้หวัด รักษามาลาเรีย และยังพบอีกว่าฤทธิ์ต้านการไอ และยังใช้คลายเครียด ทำเมนูอะไรดีนะ : ยำตะไคร้กุ้งสด, ทอดมันตะไคร้, ไก่ทอดตะไคร้ พริก : พริกเป็นยาขับเสมหะที่ดีมาก สังเกตจากที่เวลาเรากินพริกจะมี น้ำตาไหล น้ำมูกไหล อาหารที่เหมาะกับการฟื้นฟูปอดและระบบ ทางเดินหายใจ มักจะมีส่วนประกอบของพริก กระเทียม และเครื่องเทศ ทำเมนูอะไรดีนะ : ผัดพริกอ่อนไก่, ยำวุ้นเส้นใส่ พริกขี้หนูสวน, ส้มตำไทย หัวหอม : ในหัวหอมมีสาร Quercetin สูง ช่วยบลดการอักเสบ ใช้รักษาหลอดลมอักเสบ และอาการไอ ทำเมนูอะไรดีนะ : ไข่เจียวหอม, หอมชุบแป้ง ทอด, สลัดผัก เห็ดต่างๆ เช่น เห็ดนางฟ้า เห็ดชิตาเกะ เห็ดไมตาเกะ : มี

คู่มือการดูแลสุขภาพสำหรับประชาชน ในช่วงที่มีการระบาดของ Covid-19 ระลอก3

ในปัจจุบันการติดเชื้อโควิด-19 ในระลอกที่ 3 ได้ระบาดไปทั่วประเทศ ส่วนหนึ่งมาจากเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่เป็นสายพันธุ์อังกฤษที่มีคุณสมบัติจับผิวเซลล์มนุษย์ได้ดีขึ้นง่ายขึ้น ส่งผลให้ระบาดได้รวดเร็วขึ้นกว่าสายพันธุ์ปกติ 1.7 เท่า และการที่ประเทศมีนโยบายสร้างสมดุลของกิจกรรมทางเศรษฐกิจไปควบคู่กับการดูแลสุขภาพของประชาชน ส่งผลให้ปัจจุบันมีผู้ป่วยจำนวนมากที่ต้องเข้ารับการรักษาตัวในสถานพยาบาล และยังมีจำนวนผู้ป่วยอีกจำนวนหนึ่งที่ยังรอเข้ารับการรักษาตัว ในอนาคตหากมีผู้ป่วยจำนวนมากขึ้น อาจส่งผลให้ผู้ป่วยที่มีอาการไม่มากอาจต้องแยกตัวเอง (self-isolation) ออกจากครอบครัวและสังคมเพื่อดูแลตนเอง ทั้งนี้ประชาชนควรเตรียมความพร้อมในการรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดได้ทุกเมื่อ

ยาฟ้าทะลายโจร

ยาฟ้าทะลายโจร ยาฟ้าทะลายโจรรับประทานป้องกันโควิด 19 ได้หรือไม่ยังไม่มีหลักฐานเพียงพอในการยืนยันว่าสามารถรับประทานฟ้าทะลายโจรเพื่อป้องกันโควิด 19– พบฤทธิ์ในการเสริมระบบภูมิคุ้มกันในภาพรวม แต่ไม่เฉพาะเจาะจงต่อเชื้อไวรัสโควิด 19 และการศึกษาในหลอดทดลองพบว่าไม่มีฤทธิ์ในการป้องกันเชื้อไวรัสโควิด 19 เช้าสู่เซลล์ดังนั้นจึงไม่แนะนำให้รับประทานเพื่อป้องกันโควิด 19 หมอวินิจฉัยแล้วว่าติดเชื้อโควิด 19 จะรับประทานยาฟ้าทะลายโจรได้หรือไม่– รับประทานได้ตามขนาดที่แพทย์สั่ง และอยู่ในการดูแลของแพทย์ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ร่วมกับ โรงพยาบาล 9 แห่งได้นำฟ้าทะลายโจรร่วมรักษาในผู้ป่วยโควิต 19 ที่อาการไม่รุนแรงกว่า 300 คน อาการดีขึ้น ไม่พบผลข้างเคียงรุนแรง สำหรับประชาชนไม่ควรนำไปใช้เอง เนื่องจากมีข้อห้ามข้อควรระวัง ซึ่งต้องศึกษาและใช้อย่างถูกต้องตามปริมาณและระยะเวลาที่เหมาะสม ประชาชนสามารถใช้ยาฟ้าทะลายโจรได้อย่างไร– ใช้ได้ทันทีเมื่อมีอาการของโรคหวัดทั่วไป เช่น ไข้ ไอ เจ็บคอ หากใช้ติดต่อกัน 3 วันแล้ว อาการไม่ดีขึ้น ควรพบแพทย์ ข้อห้าม ข้อควรระวังในการใช้ยาฟ้าทะลายโจรข้อห้าม– ผู้ที่มีอาการแพ้ฟ้าทะลายโจร เชน เกิดผื่น ลมพิษ หน้าบวม ควรหยุดยาทันที– หญิงตั้งครรภ์ หญิงให้นมบุตรข้อควรระวัง– ไม่ควรใช้ยานี้ร่วมกับสารกันเลือดเป็นลิ่ม ยาต้านการจับตัวของเกร็ดเลือด เช่น ยาวาร์ฟาริน ยาแอสไพริน โคลพิโดเกรล ยาลดความดันโลหิต– ผู้ป่วยโรคตับ โรคไต ยาฟ้าทะลายโจร ยาฟ้าทะลายโจรรับประทานป้องกันโควิด 19 ได้หรือไม่ยังไม่มีหลักฐานเพียงพอในการยืนยันว่าสามารถรับประทานฟ้าทะลายโจรเพื่อป้องกันโควิด 19– พบฤทธิ์ในการเสริมระบบภูมิคุ้มกันในภาพรวม แต่ไม่เฉพาะเจาะจงต่อเชื้อไวรัสโควิด 19 และการศึกษาในหลอดทดลองพบว่าไม่มีฤทธิ์ในการป้องกันเชื้อไวรัสโควิด 19 เช้าสู่เซลล์ดังนั้นจึงไม่แนะนำให้รับประทานเพื่อป้องกันโควิด 19 หมอวินิจฉัยแล้วว่าติดเชื้อโควิด 19 จะรับประทานยาฟ้าทะลายโจรได้หรือไม่– รับประทานได้ตามขนาดที่แพทย์สั่ง และอยู่ในการดูแลของแพทย์ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ร่วมกับ โรงพยาบาล 9 แห่งได้นำฟ้าทะลายโจรร่วมรักษาในผู้ป่วยโควิต 19 ที่อาการไม่รุนแรงกว่า 300 คน อาการดีขึ้น ไม่พบผลข้างเคียงรุนแรง สำหรับประชาชนไม่ควรนำไปใช้เอง เนื่องจากมีข้อห้ามข้อควรระวัง ซึ่งต้องศึกษาและใช้อย่างถูกต้องตามปริมาณและระยะเวลาที่เหมาะสม ประชาชนสามารถใช้ยาฟ้าทะลายโจรได้อย่างไร– ใช้ได้ทันทีเมื่อมีอาการของโรคหวัดทั่วไป เช่น ไข้ ไอ เจ็บคอ หากใช้ติดต่อกัน 3

กรมการแพทย์-สปสช.ไม่ทอดทิ้งผู้ติดเชื้อ Covid-19 จัดหาเตียง โทรติดตามอาการทุกวัน

กรมการแพทย์จับมือ สปสช. ให้สายด่วน 1668 และ 1330 โทรติดตามอาการผู้ติดเชื้อโควิด-19 ส่วนใหญ่ไม่มีอาการ ที่อยู่ระหว่างรอการประสานจัดหาเตียงทุกวันจนกว่าจะหาเตียงให้ได้ เริ่มตั้งแต่ 17 เม.ย. นี้ ย้ำผู้ติดเชื้อโควิด-19 ไม่ต้องกังวล ไม่ถูกทอดทิ้งแน่นอน นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า หลังจากที่ สปสช.ร่วมกับ กรมการแพทย์ จัดระบบโดยให้สายด่วน 1330 ของ สปสช. และ สายด่วน 1668 ของกรมการแพทย์ เป็นหน่วยประสานจัดหาเตียงให้แก่ผู้ที่ตรวจพบว่าติดเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่โรงพยาบาลที่ไปตรวจไม่มีเตียงรองรับ โดยเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย. 2564 นั้น ล่าสุดมีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ไม่มีอาการ และอยู่ในระหว่างการจัดหาเตียงรวมประมาณ 700 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยที่ไม่แสดงอาการ ทั้งนี้เพื่อเป็นการดูแลอย่างใกล้ชิด ตั้งแต่วันที่ 17 เม.ย. 2564 เป็นต้นไป ในระหว่างที่ผู้ติดเชื้อโควิด-19 อยู่ที่บ้านรอการจัดหาเตียงอยู่นั้น เจ้าหน้าที่ของสายด่วนทั้ง 2 สาย จะโทรไปสอบถามอาการทุกๆ วันจนกว่าจะประสานหาเตียงให้ได้ โดยสายด่วน 1330 จะดูแลประมาณ 400 คน และสายด่วน 1668 ดูแลอีกประมาณ 350 คน ซึ่งในส่วนของ สปสช.ได้ระดมกำลังผู้บริหารและบุคลากรของ สปสช. ช่วยเสริมกำลังเจ้าหน้าที่สายด่วน สปสช. 1330 ในการโทรติดตามอาการผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ยังรอเตียงทุกวันด้วย ด้าน นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า เข้าใจสภาพจิตใจของผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ยังหาเตียงไม่ได้ ซึ่งในระหว่างที่รอการจัดหาเตียงอยู่ที่บ้านนั้น ท่านอาจเกิดความกังวลใจต่างๆ นานา อย่างไรก็ดี ขอให้ความมั่นใจว่ากระทรวงสาธารณสุขไม่ได้ทอดทิ้งให้ท่านอยู่ตัวคนเดียว ตั้งแต่วันที่ 17 เม.ย. 2564 เป็นต้นไป เจ้าหน้าที่ของสายด่วนจะโทรไปสอบถามติดตามอาการทุกวัน เพื่อรับฟังหรือให้คำปรึกษาในเรื่องที่ท่านกังวล ขอให้มั่นใจว่าแม้จะยังไม่มีเตียงในโรงพยาบาล แต่ท่านยังอยู่ในการดูแลของบุคลากรทางการแพทย์ตลอดเวลา “จากการดำเนินการในวันนี้ ได้มีการจัดหาเตียงให้กับผู้ป่วยที่ยังรอเตียงอยู่ประมาณ

คำแนะนำการรับประทานยาฟ้าทะลายโจรสำหรับ Covid-19

คำแนะนำการรับประทานยาฟ้าทะลายโจรสำหรับโควิด-19 ผู้ป่วยที่ไม่มีอาการ สำหรับผู้ที่ตรวจพบเชื้อโควิด-19 แต่ยังไม่มีอาการป่วย หรือติดเชื้อแต่ไม่มีอาการ ให้รับประทานสารสกัดฟ้าทะลายโจร ขนาด 60 mg/วัน หรือ 20 mg ก่อนอาหารเช้า กลางวัน เย็น ติดต่อกัน 5 วัน ผู้ป่วยที่มีอาการเล็กน้อย สำหรับผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่มีอาการเล็กน้อย แต่ไม่ใช่กลุ่มเสี่ยงหรือมีโรคประจำตัว ให้รับประทานสรสกัดฟ้าทะลายโจร ขนาด 180 mg/วัน หรือ 60 mg ก่อนอาหารเช้า กลางวัน และเย็น ติดต่อกัน 5 วัน

8 สมุนไพรไทย รอบบ้าน ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันต่อต้านไวรัส

จากการระบาดของไวรัส โควิด19 ทำให้เราหันมาใส่ใจกับสุขอนามัยและการเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกายมากขึ้น ทั้งเรื่องล้างมือบ่อยๆ สวมแมสก์ เว้นระยะห่างทางสังคม หลีกเลี่ยงกิจกรรมเสี่ยง รวมทั้งเลือกอาหารประเภทพืชผักสวนครัว สมุนไพรไทยที่เป็นประโยชน์กับร่างกายมากขึ้น โดยเฉพาะอาหารที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน ต่อต้านไวรัส รู้หรือไม่ว่าอาหารเหล่านี้ไม่ต้องไปหาที่ไหนไกล หาได้จากสมุนไพรริมรั้วรอบๆ บ้านเรานี่แหละ สมุนไพรเหล่านี้ที่มีหลักฐานทางวิชาการในการเสริมภูมิคุ้มกัน ลดการอักเสบ ต้านไวรัส และป้องกันโรคต่างๆ ได้ด้วย ขมิ้น : ขมิ้นมีสาร Curcuminoids ที่โดดเด่นด้านการลดอักเสบ มีงานวิจัยในหลอดทดลองพบว่า ขมิ้นชัน ช่วยยับยั้งการหลั่งสารอักเสบ และปรับภูมิคุ้มกันไม่ให้ เกิดการทำลายปอดให้เกิดความเสียหายจากการติดเชื้อไวรัส ทำเมนูอะไรดีนะ : แกงไก่ขมิ้น, ปลาทอดขมิ้น, น้ำต้มขมิ้น ข่า : เป็นสมุนไพรพื้นบ้านที่ใช้ในการรักษาหลอดลมอักเสบ ข่ามี Quercetin เป็นสารกลุ่มโพลีฟีนอล พบในพืชหลายชนิด มีฤทธิ์ลดอักเสบ เสริมภูมิคุ้มกัน ต้านไวรัส และต้านมะเร็ง ทำเมนูอะไรดีนะ : ต้มข่าไก่, ต้มยำกุ้ง, ตะไคร้ : คนสมัยก่อนใช้ตะไคร้รักษาปอดบวม แก้ไข้ แก้หวัด รักษามาลาเรีย และยังพบอีกว่าฤทธิ์ต้านการไอ และยังใช้คลายเครียด ทำเมนูอะไรดีนะ : ยำตะไคร้กุ้งสด,

คู่มือการดูแลสุขภาพสำหรับประชาชน ในช่วงที่มีการระบาดของ Covid-19 ระลอก3

ในปัจจุบันการติดเชื้อโควิด-19 ในระลอกที่ 3 ได้ระบาดไปทั่วประเทศ ส่วนหนึ่งมาจากเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่เป็นสายพันธุ์อังกฤษที่มีคุณสมบัติจับผิวเซลล์มนุษย์ได้ดีขึ้นง่ายขึ้น ส่งผลให้ระบาดได้รวดเร็วขึ้นกว่าสายพันธุ์ปกติ 1.7 เท่า และการที่ประเทศมีนโยบายสร้างสมดุลของกิจกรรมทางเศรษฐกิจไปควบคู่กับการดูแลสุขภาพของประชาชน ส่งผลให้ปัจจุบันมีผู้ป่วยจำนวนมากที่ต้องเข้ารับการรักษาตัวในสถานพยาบาล และยังมีจำนวนผู้ป่วยอีกจำนวนหนึ่งที่ยังรอเข้ารับการรักษาตัว ในอนาคตหากมีผู้ป่วยจำนวนมากขึ้น อาจส่งผลให้ผู้ป่วยที่มีอาการไม่มากอาจต้องแยกตัวเอง (self-isolation) ออกจากครอบครัวและสังคมเพื่อดูแลตนเอง ทั้งนี้ประชาชนควรเตรียมความพร้อมในการรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดได้ทุกเมื่อ

ยาฟ้าทะลายโจร

ยาฟ้าทะลายโจร ยาฟ้าทะลายโจรรับประทานป้องกันโควิด 19 ได้หรือไม่ยังไม่มีหลักฐานเพียงพอในการยืนยันว่าสามารถรับประทานฟ้าทะลายโจรเพื่อป้องกันโควิด 19– พบฤทธิ์ในการเสริมระบบภูมิคุ้มกันในภาพรวม แต่ไม่เฉพาะเจาะจงต่อเชื้อไวรัสโควิด 19 และการศึกษาในหลอดทดลองพบว่าไม่มีฤทธิ์ในการป้องกันเชื้อไวรัสโควิด 19 เช้าสู่เซลล์ดังนั้นจึงไม่แนะนำให้รับประทานเพื่อป้องกันโควิด 19 หมอวินิจฉัยแล้วว่าติดเชื้อโควิด 19 จะรับประทานยาฟ้าทะลายโจรได้หรือไม่– รับประทานได้ตามขนาดที่แพทย์สั่ง และอยู่ในการดูแลของแพทย์ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ร่วมกับ โรงพยาบาล 9 แห่งได้นำฟ้าทะลายโจรร่วมรักษาในผู้ป่วยโควิต 19 ที่อาการไม่รุนแรงกว่า 300 คน อาการดีขึ้น ไม่พบผลข้างเคียงรุนแรง สำหรับประชาชนไม่ควรนำไปใช้เอง เนื่องจากมีข้อห้ามข้อควรระวัง ซึ่งต้องศึกษาและใช้อย่างถูกต้องตามปริมาณและระยะเวลาที่เหมาะสม ประชาชนสามารถใช้ยาฟ้าทะลายโจรได้อย่างไร– ใช้ได้ทันทีเมื่อมีอาการของโรคหวัดทั่วไป เช่น ไข้ ไอ เจ็บคอ หากใช้ติดต่อกัน 3 วันแล้ว อาการไม่ดีขึ้น ควรพบแพทย์ ข้อห้าม ข้อควรระวังในการใช้ยาฟ้าทะลายโจรข้อห้าม– ผู้ที่มีอาการแพ้ฟ้าทะลายโจร เชน เกิดผื่น ลมพิษ หน้าบวม ควรหยุดยาทันที– หญิงตั้งครรภ์ หญิงให้นมบุตรข้อควรระวัง– ไม่ควรใช้ยานี้ร่วมกับสารกันเลือดเป็นลิ่ม ยาต้านการจับตัวของเกร็ดเลือด เช่น ยาวาร์ฟาริน ยาแอสไพริน โคลพิโดเกรล ยาลดความดันโลหิต– ผู้ป่วยโรคตับ

กรมการแพทย์-สปสช.ไม่ทอดทิ้งผู้ติดเชื้อ Covid-19 จัดหาเตียง โทรติดตามอาการทุกวัน

กรมการแพทย์จับมือ สปสช. ให้สายด่วน 1668 และ 1330 โทรติดตามอาการผู้ติดเชื้อโควิด-19 ส่วนใหญ่ไม่มีอาการ ที่อยู่ระหว่างรอการประสานจัดหาเตียงทุกวันจนกว่าจะหาเตียงให้ได้ เริ่มตั้งแต่ 17 เม.ย. นี้ ย้ำผู้ติดเชื้อโควิด-19 ไม่ต้องกังวล ไม่ถูกทอดทิ้งแน่นอน นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า หลังจากที่ สปสช.ร่วมกับ กรมการแพทย์ จัดระบบโดยให้สายด่วน 1330 ของ สปสช. และ สายด่วน 1668 ของกรมการแพทย์ เป็นหน่วยประสานจัดหาเตียงให้แก่ผู้ที่ตรวจพบว่าติดเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่โรงพยาบาลที่ไปตรวจไม่มีเตียงรองรับ โดยเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย. 2564 นั้น ล่าสุดมีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ไม่มีอาการ และอยู่ในระหว่างการจัดหาเตียงรวมประมาณ 700 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยที่ไม่แสดงอาการ ทั้งนี้เพื่อเป็นการดูแลอย่างใกล้ชิด ตั้งแต่วันที่ 17 เม.ย. 2564 เป็นต้นไป ในระหว่างที่ผู้ติดเชื้อโควิด-19 อยู่ที่บ้านรอการจัดหาเตียงอยู่นั้น เจ้าหน้าที่ของสายด่วนทั้ง 2 สาย จะโทรไปสอบถามอาการทุกๆ วันจนกว่าจะประสานหาเตียงให้ได้ โดยสายด่วน 1330