ชาสมุนไพร

การเลือกดื่มชาตามกลุ่มอาการ 14 กลุ่ม

คลินิกยักษ์ไทยคลินิกการแพทย์แผนไทยประยุกต์ ภายใต้ศูนย์นวัตกรรมการแพทย์แผนไทย TTMIC) ได้จัดทำโครงการอาหารและน้ำเป็นยาสำหรับน้ำเป็นยา หรือมุมของชาสมุนไพรเพื่อสุขภาพ

ชา เป็นเครื่องดื่มที่มีประโยชน์และได้รับความนิยมมากๆ นอกเหนือไปจากชาดำ ชาเขียว และ ชาขาวแล้ว ยังมีชาสมุนไพร อีกหลายๆชนิดที่ทำจากเครื่องเทศหรือดอกไม้ ซึ่งมีรสชาติอร่อยและให้ประโยชน์ต่อสุขภาพของคุณ ซึ่งการดื่มชาสามารถช่วยบำรุงสุขภาพ ป้องกันความเสี่ยงก่อนที่จะเกิดโรคต่างๆ และช่วยชโลมจิตใจที่เหนื่อยล้าในวันนั้นได้ 14 กลุ่มอาการ แบ่งเป็น 6กลุ่มตามธาตุ ได้แก่

วิธีชงชาดอกไม้

กลุ่มที่ 1 : ชาในกลุ่มเบาหวาน ช่วยลดน้ำตาลในเลือด

ในปัจจุบันผู้คนหันมานิยมรับประทานชานมไข่มุกหรือพวกน้ำหวานต่างๆกันมากขึ้น ด้วยเพราะรสชาติที่อร่อย อีกทั้งยังช่วยปลอบประโลมจิตใจ ทำให้มีกำลังในการทำสิ่งต่างๆมากยิ่งขึ้น  หลายคนจึงบริโภคโดยไม่คำนึงถึงสุขภาพ จนทำให้เป็นโรคอย่างเช่น เบาหวาน ที่จะส่งผลร้ายต่อสุขภาพตามมา ซึ่งชาสมุนไพรที่กำลังจะพูดถึงนี้เป็นทางเลือกหนึ่งที่สามารถช่วยลดปัญหาสุขภาพเหล่านั้นได้ โดยชาที่ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดที่จะยกตัวอย่าง อย่างเช่น ชาผักเชียงดา ชาหญ้าหวานและชาใบหม่อน

กลุ่มที่ 2 : ชาในกลุ่มความดันโลหิตสูง

นอกเหนือไปจากโรคเบาหวานที่กล่าวไปแล้ว อีกโรคหนึ่งที่มักจะมาพร้อมกัน คือ โรคความดันโลหิตสูง ซึ่งถ้าหากเป็นความดันโลหิตสูงแล้วปล่อยทิ้งไว้นานๆ โดยไม่ได้รับการดูแลหรือไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทาน อย่างเช่น การรับประทานอาหารที่มีโซเดียมสูง อาหารรสเค็มจัด หรืออาหารแปรรูป จะยิ่งส่งผลทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นจนอาจเกิดโรคอื่นๆตามมา เช่น โรคหัวใจ โรคอัมพฤกษ์ อัมพาต หรือถ้าร้ายแรงสุด ถึงขั้นเสียชีวิตได้ และนอกจากการรักษาด้วยแพทย์แผนปัจจุบันแล้ว การใช้สมุนไพรมารักษาร่วมด้วย ก็เป็นอีกแนวทางหนึ่ง ดังนั้นทางยักษ์ไทยคลินิก TTMIC จะแนะนำชาที่ช่วยลดความดันโลหิตสูง อย่างเช่น ชากระเจี๊ยบและชามะรุม

กลุ่มที่ 3 : ชาในกลุ่มไขมันในเลือด

ถ้าหากเรามีพฤติกรรมการรับประทานอาหารแบบไม่ใส่ใจ เช่น รับประทานของทอดของมัน อาหารทะเล ผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ในปริมาณที่มากเกินไป อาจทำให้ผลตรวจเลือดแสดงออกมาว่า มีระดับไขมันในเลือดสูง และภาวะนี้ก็ค่อนข้างเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด เส้นเลือดตีบอุดตัน เลือดไหลไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ไม่เพียงพอและเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ อีกทั้งคนที่มีไขมันในเลือดสูงอาจไม่จำเป็นต้องเป็นคนอ้วนที่มองเห็นจากรูปร่างเสมอไป คนผอมๆ ก็มีไขมันในเลือดสูงเกินไปได้ ดังนั้นเพื่อไม่ให้ต้องไปถึงจุดที่เจ็บป่วยเรื้อรังใหญ่โต เราก็หันมารับประทานสมุนไพรในการดูแลตัวเองง่ายๆ เพียงเปลี่ยน “เครื่องดื่ม” แทนที่เครื่องดื่มน้ำตาลสูง ด้วยน้ำชาสุขภาพ ซึ่งชาที่ช่วยในการลดไขมันในเลือดที่จะยกตัวอย่าง อย่างเช่น ชาดอกคำฝอย

กลุ่มที่ 4 : ชาในกลุ่มเสริมภูมิคุ้มกัน

ในช่วงสถานการณ์ปัจจุบันนี้ที่ COVID-19 กลับมาระบาดใหม่อีกครั้ง ทำให้ผู้คนส่วนใหญ่ตื่นตระหนกหันกลับมาดูแลตัวเองมากยิ่งขึ้น ซึ่งวิธีการดูแลตัวเองง่ายๆนอกเหนือไปจากการล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์สม่ำเสมอ การสวมใส่หน้ากากอนามัย หรือการหลีกเลี่ยงไปอยู่ในพื้นที่เสี่ยงแล้ว ชาสมุนไพรก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการดูแล ตัวเองที่จะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายของเราแข็งแรง ต่อสู้กับโรคภัยต่างๆที่เข้ามาได้ ดังนั้นทางยักษ์ไทยคลินิก TTMIC  จะแนะนำชาที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน อย่างเช่น ชาตรีผลา

กลุ่มที่ 5 : ชาในกลุ่มสตรีและประจำเดือน

ในยุคนี้ผู้หญิงมักมีประจำเดือนก่อนวัยกันมากยิ่งขึ้น เนื่องจากอาหารที่รับประทานต่างๆมีสารเร่งการเจริญเติบโต หรือในบางท่านที่มักประสบปัญหาเกี่ยวกับรอบเดือน ไม่ว่าจะเป็นอาการปวดท้องประจำเดือน หรือประจำเดือนมาไม่ปกติ จากการรับประทานยาฮอร์โมนตั้งแต่เด็กๆเพื่อความสวยงาม ทำให้ร่างกายเสียสมดุล การไหลเวียนเลือดแย่ลง ดังนั้นทางยักษ์ไทยคลินิก TTMIC จะแนะนำชาที่ช่วยบำรุงเลือด ทำให้การไหลเวียนเลือดดีขึ้น ช่วยขับระดูที่คั่งค้างทำให้ประจำเดือนมาปกติได้ อย่างเช่น ชาฝาง

กลุ่มที่ 6 : ชาในกลุ่มระบบทางเดินอาหาร

การรับประทานอาหารในแต่ละวัน หรือการรับประทานอาหารมื้อหนักๆอย่างเช่น บุฟเฟ่ต์หรือหมูกะทะบางครั้งอาจมีผลต่อระบบย่อยจนทำให้เกิดท้องอืดท้องเฟ้อ แน่นท้อง กรดไหลย้อนหรืออาหารไม่ย่อย ซึ่งอาการเหล่านี้อาจทำให้เกิดไม่สบายตัวบ่อยครั้ง สำหรับผู้ที่ไม่ค่อยรับประทานผัก ผลไม้ หรือ อาหารที่มีกากใยที่ช่วยในระบบย่อยต่างๆ ปัญหาเหล่านี้จะหมดไป หากลองหันมาดื่มชาสมุนไพร ซึ่งการดื่มชาสมุนไพรจะมีประโยชน์ต่อระบบย่อย โดยจะช่วยกระตุ้นการหลั่งน้ำย่อยในกระเพาะอาหาร บรรเทาอาการท้องอืดท้องเฟ้อได้ ซึ่งชาที่ช่วยเรื่องระบบทางเดินอาหารทางยักษ์ไทยคลินิก TTMIC จะแนะนำ เช่น ชาขิง และชาขมิ้นชัน

กลุ่มที่ 7 : ชาในกลุ่มระบบทางเดินปัสสาวะ

ในผู้สูงวัย มักมีปัญหาเกี่ยวกับระบบการไหลเวียนของเลือดลม เช่น อาการท้องอืดท้องเฟ้อ เบื่ออาหาร ปวดเมื่อยตามร่างกาย มึนศีรษะ ชาปลายมือ-เท้า และอีกหนึ่งปัญหาที่มักจะเจอคือ อาการทางกลุ่มระบบทางเดินปัสสาวะเช่น ปัสสาวะกะปริบกะปรอย ปัสสาวะไม่พุ่ง ปัสสาวะไม่สุด หรือปัสสาวะบ่อย ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่มาจากการกลั้นปัสสาวะ หรือในบางท่านที่มีโรคความดันโลหิตสูง แล้วรับประทานยาทางแผนปัจจุบันที่มักจะให้ยาที่ช่วยขับปัสสาวะ ดังนั้นทางยักษ์ไทยคลินิก TTMIC จะแนะนำชาที่ช่วยเรื่องระบบทางเดินปัสสาวะ อย่างเช่น ชาตะไคร้ ชารางจืดและชาใบเตย

กลุ่มที่ 8 : ชาในกลุ่มบำรุงสมอง

เมื่ออายุเพิ่มขึ้น ความเสื่อมของร่างกายย่อมตามมา โดยเฉพาะคนทํางานท่ีใช้ร่างกายอย่างหนัก พักผ่อนน้อย มี ภาวะเครียดสะสม จะส่งผลให้อวัยวะสําคัญอย่างสมองเกิดภาวะสมองล้า ส่งผลให้ความจําและการทํางานของสมองลดลง ทําให้เกิดโรคอัลไซเมอร์ โรคพาร์กินสัน โรคความจําเสื่อมก่อนวัย อีกทั้งยังมีผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตได้ในระยะยาว เพราะฉะนั้นควรใส่ใจดูแลบํารุงสมองตั้งแต่วันนี้ก่อนสายเกินแก้ เริ่มต้นง่ายๆ ด้วยการดูแลตัวเอง อย่างการเลือก รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ครบท้ัง 5 หมู่ ก็เป็นส่วนหน่ึงที่จะช่วยดูแลสมองของเราได้ หรือการรับประทานสมุนไพรท่ี ช่วยบํารุงสมอง ทางยักษ์ไทยคลินิก TTMIC ได้มีชาท่ีช่วยบํารุงสมองมาแนะนํา ได้แก่ ชาแป๊ะก๊วย ชาบัวบก ชาโรสแมรี่ ชา พรมมิ ชากลีบบัวแดง/เกสรบัวหลวง และชาขมิ้นชัน

กลุ่มที่ 9 : ชาในกลุ่มบำรุงสายตา

วิถีชีวิตของคนในยุคปัจจุบันน้ันใช้เวลาอยู่หน้าจอต่อวันมากกว่า 6-8 ช่ัวโมง ท้ังการทํางานที่ต้องจ้อง จอคอมพิวเตอร์ การดูสื่อการเรียนการสอนต่างๆในออนไลน์ รวมไปถึงการช้อปป้ิงออนไลน์ ย่ิงไปกว่าน้ันหลายคนยังคงใช้ เวลาอยู่กับหน้าจอสมาร์ทโฟนแม้กระทั่งก่อนเข้านอนอีกด้วย หลายคนต้องเผชิญกับปัญหาสุขภาพดวงตาก่อนวัยอันควร ไม่ ว่าจะเป็นตาเบลอ ตาพร่ามัวมองเห็นไม่ชัด ตาแห้ง คันตา แสบตา น้ําตาไหล ซึ่งภาวะเหล่านี้ล้วนเป็นผลมาจากมีแสงสีฟ้า (Blue light) จากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ไม่ว่าจะเป็นจอมือถือ หรือจอคอมพวิ เตอร์ แต่คงเป็นเรื่องยากสําหรับใครหลายคน ที่จะต้องหลีกเล่ียงการอยู่หน้าจอ เพราะไม่ว่าจะคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟน ทั้งสองส่ิงนี้ก็ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิต อย่างปฏิเสธไม่ได้ ดังนั้นทางยักษ์ไทยคลินิก TTMIC จะแนะนําชาสมุนไพรที่ช่วยบํารุงสายตา อย่างเช่น ชาดาวเรือง ชา ขม้ินชัน ชาโกจิเบอรี่ และชามะรุม เป็นต้น

กลุ่มที่ 10 : ชาในกลุ่มบำรุงหัวใจ

โรคหัวใจเป็นสาเหตุการตายอันดับหนึ่งของประชากรที่เป็นผู้ใหญ่ สาเหตุล้วนมาจากพฤติกรรมการรับประทาน อาหารที่อุดมด้วยแป้ง ไขมัน น้ําตาล ที่สําคัญยังขาดการออกกําลังกาย ทําให้เกิดการอุดตันของหลอดเลือด ทําให้การสูบฉีด เลือดเพื่อส่งสารอาหารไปเล้ียงส่วนต่างๆในร่างกายได้ไม่ดี และเมื่อเวลาผ่านไป การอุดตันของเส้นเลือดก็ยิ่งเริ่มมีมากขึ้น

และหลอดเลือดต่างๆ ของหัวใจก็จะเริ่มหนาและแข็งขึ้นจนเป็นสาเหตุที่ทําให้เกิดโรคหัวใจ เวลาที่เราเหนื่อยๆ หรือเจอเรื่อง ที่ตื่นเต้นจะทําให้หัวใจเต้นเร็ว เต้นผิดจังหวะ เจ็บแน่นหน้าอกได้ ดังนั้นเราควรดูแลสุขภาพจิตใจ ให้ผ่องใสอยู่เสมอ และ รบั ประทานอาหารที่มีประโยชน์ อย่างสมุนไพรไทยที่มีรสเย็นสุขุม จะมีสรรพคุณช่วยบํารุงหัวใจ ลดอาการใจสั่น แก้ลม วิงเวียน ช่วยให้การไหลเวียนเลือดดีขึ้น ทางยักษ์ไทยคลินิก TTMIC มีชาสมุนไพรดีๆที่ช่วยบํารุงหัวใจมาแนะนํา อย่างเช่น ชาเกสรทั้ง 5 ชากระดังงา ชาดีบัว ชาใบเตย ชาคําฝอย และชาบัวบก เป็นต้น

กลุ่มที่ 11 : ชาในกลุ่มช่วยในการนอนหลับ ผ่อนคลาย

อาการนอนไม่หลับ หลับยาก หลับไม่สนิท นับว่าเป็นปัญหาใหญ่สําหรับหลายคน ซึ่งเกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่า จะเป็น ความเครียด ความวิตกกังวล รวมไปถึงการดื่มเครื่องดื่มท่ีมีคาเฟอีน เมื่อร่างกายไม่ได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอ และมีประสิทธิภาพเป็นเวลานาน ย่อมส่งผลกระทบต่อสุขภาพกายและใจ ท้ังในระยะสั้นและยาว ก่อให้เกิดโรคต่างๆตามมา ได้ การเลือกใช้สมุนไพรบําบัดเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ ทางยักษ์ไทยคลินิก TTMIC มีชาที่ชวยในการนอนหลับลึก ผ่อนคลายมาแนะนํา อย่างเช่น ชาดอกมะลิ ชาดอกกุหลาบ ชาดอกคาโมมายล์ และชากลีบบัวแดง/เกสรบัวหลวง เป็นต้น

กลุ่มที่ 12 : ชาในกลุ่มบรรเทาปวดกล้ามเนื้อ

ชีวิตในยุค 4.0 นี้ ทําให้หลายๆคนมีปัญหาทางด้านสุขภาพกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นปัญหาจากฝุ่นPM2.5 จาก สารเคมีตกค้าง หรือจากหน้าที่การงานและการใช้ชีวิตประจําวันที่ซ้ำาๆกันจนทําให้ร่างกายเกิดความเมื่อยล้า อ่อนเพลีย ทํา ให้ประชาชนส่วนใหญ่เกิดความเครียด วิตกกังวล ซึ่งศาสตร์การแพทย์แผนไทยคนท่ีมีอาการเครียด จะเกิดอาการปวดเมื่อย กล้ามเนื้อ เลือดลมไหลเวียนไม่สะดวก นอนไม่หลับ จึงทําให้หลายคนมองหาตัวช่วยเพื่อบรรเทาอาการปวดเมื่อยต่างๆ ของ ร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นการนวด กดจุด กัวชา หรือสมุนไพรก็เป็นอีกทางเลือกหน่ึงท่ีหลายคนให้ความสนใจกันอย่างมากอีก ทางหนึ่ง ทางยักษ์ไทยคลินิก TTMIC มีชาที่ช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยยกล้ามเนื้อมาแนะนํา อย่างเช่น ชาเถาเอ็นอ่อน ชา เถาวัลย์เปรียง ชาโคคลาน ชากําแพงเจ็ดชั้น และชามะคําไก่ เป็นต้น

กลุ่มที่ 13 : ชาในกลุ่มระบบทางเดินหายใจ

ในปัจจุบันจากสภาพอากาศฝุ่นละออง มลพิษทางอากาศ หากไม่รับมือและป้องกันดูแลตัวเองให้ดี โดยเฉพาะใน เด็ก ผู้สูงอายุ และหญิงต้ังครรภ์ อาจก่อให้เกิดภาวะเสี่ยงในโรคระบบทางเดินหายใจต่างๆ และหากสะสมระยะยาวอาจ ก่อให้เกิดมะเร็งปอดได้ที่ ในประเทศไทยสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง การทานอาหารไม่มีประโยชน์และตารางเวลาชีวิต ที่วุ่นวาย รวมถึงวิธีการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสมอย่างการนอนดึก เป็นส่วนสําคัญท่ีทําให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายเสียหาย แต่ หลายๆ คนก็ยังคงละเลยการดูแลสุขภาพของระบบทางเดินหายใจ ทางยักษ์ไทยคลินิก TTMIC จะแนะนําชาที่ช่วยดูแล ระบบทางเดินหายใจ อย่างเช่น ชาดอกปีป ชาหนุมานประสานกาย ชาว่านน้ํา ชาลิลลี่ และชาหล่อฮังก้วย เป็นต้น

กลุ่มที่ 14 : ชาในกลุ่มแก้เจ็บคอ กระหายน้ำ

อาการไอ เจ็บคอ สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน อาการเจ็บคอมักจะเป็นมากขึ้นเวลาท่ีเรากลืนน้ําลายหรือกลืน อาหาร นอกจากนี้อาการเจ็บคอยังอาจจะมีอาการไอรวมถึงไม่มีเสียงร่วมอยู่ บางครั้งก็รู้สึกคันคอและระคายคอ ซึ่งประเทศ ไทยเป็นเมืองร้อนที่อากาศอบอ้าว และบางช่วงท่ีอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยๆ ทําให้เกิดความไม่สมดุลได้จนทําให้หลายคนที่ เคยสุขภาพแข็งแรงก็กลับอ่อนแอลงได้ดังนั้นทางยักษ์ไทยคลินิกTTMICยังมสีมุนไพรท่ีช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอแก้ กระหายน้ํามาแนะนํา อย่างเช่น ชามะขามป้อม ชามะแว้งเครือ ชาชะเอมเทศ ชากระเจี๊ยบ ชาดอกคาโมมายล์ ชาเก๊กฮวย ชาใบเตย ชาดอกสายน้ําผึ้ง ชามะตูม และชารากบัว เป็นต้น